ลพบุรี – ตำรวจสามารถรวบตัวมือปืนยิงหัวหน้าชุดฮอตไลน์ กฟภ. จังหวัดลพบุรีได้แล้วเพียงแค่คิดว่าคนตายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยยิงขู่ไปจำนวน 1 นัด ไม่คิดว่าจะถึงตายก่อนหนีไปบวชล้างบาปจังหวัดนครสวรรค์พร้อมเพื่อนร่วมก่อเหตุ แม่ญาติ เพื่อนผู้ตายแห่ดูตัวสาปแช่งให้ตายตามกัน
เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันที่ 25 เม.ย.64 ที่ ศปก.ภ.จว.ลพบุรี พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบช.ภ.1 และรอง ผอ.ศปอร.ภ.1 พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.จว.ลพบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงการณ์จับกุมนายมานะ หรือ มด สีสังข์ อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 4 หมู่ 8 ต.บางพึ่ง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี และนายชนะพงษ์พันธ์ หรือ อุ้ม แก้วแดงดี อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 35/2 บ้านดงสวอง ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี ผู้ต้องหาใช้อาวุธยิงนายพงศ์เทพ ขันธเขต อายุ 39 ปี พนักงานระดับ 7 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคเหนือ) จ.ลพบุรี หัวหน้าชุดทีมฮอตไลน์ 22 เควี จนเสียชีวิตคารถเก๋ง ที่ถนนสายพหลโยธิน ขาออก ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 151 จุดกลับรถเลยห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขา 2 หมู่ที่ 2 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.ลพบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 6 เม.ย. 2564
พล.ต.ท.อำพล กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุได้มอบหมายให้ ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามหาตัวคนร้ายที่ก่อคดีนี้อย่างเต็มที่ เนื่องจากเป็นคดีอุจฉกรรจ์ และผู้ตายเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรของรัฐ มีการประสานงานทีมสืบสวนตำรวจภูธร จ.ลพบุรี และ สภ.เมืองลพบุรี โดยการนำของ พ.ต.อ.อุกฤษ ภู่กลั่น รอง ผบก.ภ.จว.ลพบุรี จากการลงพื้นที่ติดตามข้อมูล สืบพยานและดูจากหลักฐานกล้องวงจรปิดจุดต่างๆในตัวเมืองลพบุรีและกล้องจากรถยนต์ของผู้ตาย จึงติดตามสืบสวนสอบสวนจนทราบว่าทั้งสองคนเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ อีกทั้งยังเป็นนักค้ายาบ้ารายใหญ่ โดยนายชนะพงศ์พันธ์ ทำหน้าที่ขับรถยนต์พาหนะใช้ก่อเหตุ ส่วนนายมานะ เป็นผู้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยี่ห้อบาเร็ตต้า ยิงนายพงศ์เทพจนเสียชีวิตดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนติดตามตัวเรื่อยมา ทราบว่าทั้งสองได้ย้อนกลับเข้ามาในพื้นที่ และหลบไปเช่าอยู่ที่ห้องพักรีสอร์ทแห่งหนึ่งใน อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี จึงนำกำลังเข้าจับกุม พร้อมยาไอซ์ขนาด 39.65 กรัม และยึดอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ พร้อมกระสุน 15 นัดจากตัวนายมานะ
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองเปิดปากรับสารภาพว่า ในคืนเกิดเหตุ ผู้ต้องหาทั้งสองคนกำลังส่งมอบยาบ้าจำนวน 1 หมื่นเม็ด ให้นายกล้า (ผู้ต้องหายาเสพติดที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้) บริเวณสะพานลอยหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งริมถนนพหลโยธิน ใกล้วงเวียนเทพสตรี(วงเวียนพระนารายณ์มหาราช) ขณะนั้น เห็นรถมาสด้า สีแดง หมายเลขทะเบียน กย-9098 ลพบุรี ที่นายพงศ์เทพผู้ตายขับ มาตามลำพังเพียงคนเดียว หลังจากแยกย้ายจากเพื่อนๆที่นั่งดื่มกินกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองลพบุรี เพื่อจะกลับบ้านพัก ต.ท่าศาลา และเข้าใจเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตาม
หลังจากส่งมอบยาบ้าเสร็จคนร้ายทั้งสองได้ขับรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีดำหมายเลขทะเบียน ชภ.-8857 กรุงเทพมหานคร โดยมีนายชนะพงศ์พันธ์เป็นคนขับ ส่วนนายมานะนั่งคู่ด้านหน้ามา ตามเส้นทางถนนพหลโยธิน ขณะถึงจุดเกิดเหตุมีรถผู้ตายวิ่งอยู่ด้านหน้าซึ่งขับรถอยู่เลนขวาช้าๆ ได้หักมาเลนซ้ายกระทันหัน ประกอบกับมีรถยนต์กระบะวิ่งตามหลังมา ทำให้คนร้ายเข้าใจว่ารถของผู้ตายเป็นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามมาจับกุม แน่เพราะบนรถยังมียาบ้าอีกจำนวนมากที่เตรียมไปส่งให้ลูกค้า ดังนั้นนายมานะจึงใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อบาเร็ตต้า ยิงที่ประตูด้านคนขับที่รถของผู้ตายเพื่อเป็นการเบิกทางหนี แต่ปรากฏว่ากระสุนทะลุ บริเวณชายโครงด้านขวา ทะลุชายโครงด้านซ้ายร่างของนายพงศ์เทพ จำนวน 1 นัด จนรถเสียหลักพุ่งชนฟุตบาท และเสียชีวิตดังกล่าว จากนั้นพากันหลบหนีโดยอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุไปซ่อนไว้ในบ้านเช่าแห่งหนึ่งใน ต.ท่าศาลา อ.เมืองลพบุรี ส่วนรถยนต์ได้นำไปซ่อนในบ้านเช่าเขต ต.ทะเลชุบศร อ.เมืองลพบุรี ก่อนจะมีการนำออกไปที่ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทราในเวลาต่อมา จากนั้นนายมานะ มือปืน ได้หนีไปบวชที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.นครสวรรค์ ส่วนนายชนะพงษ์พันธ์ ได้ติดตามไปเป็นลูกศิษย์ ต่อมาได้สึกและเข้ามาในพื้นที่กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมดังกล่าว
หลังจากนั้น นางพงษ์ศิริ ได้มอบช่อดอกไม้ให้แก่ พล.ต.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบช.ภ.1 เป็นการขอบคุณ รวมทั้งนายอุดมศักดิ์ เต็มวงษ์ ผอ.ฝ่ายปฏิบัติการและบำรุงรักษา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคเหนือ) จ.ลพบุรี ยังได้กล่าวขอบคุณ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 และทีมงานที่ได้ให้ความสนใจและติดตามคนร้ายที่ยิงลูกชายมาดำเนินคดีได้ภายในระยะเวลา 19 วัน หลังจากนั้นยังได้มีการสาธิตการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของผู้ต้องหาต่อหน้ามารดาผู้ตาย รวมทั้งผู้สื่อข่าวอีกด้วย
กฤษณ์ สนใจ ลพบุรี 0890899090