DSI รับหนังสือร้องขอความเป็นธรรม กรณี บริษัทจำหน่ายถุงมือยางถูกกล่าวหาว่าหลอกต่างชาติ เสียหายเกือบ 30 ล้านบาท
ตามที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำเสนอข่าว กรณี นายพิเชษฐ สถิรชวาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประธานคณะอนุกรรมาธิการแนวทางส่งเสริมและแก้ปัญหาอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยาง แห่งประเทศไทย สภาผู้แทนราษฎร นำผู้แทนผู้เสียหาย มายื่นเรื่องต่อกรมสอบ สวนคดีพิเศษ กรณีกล่าวหาว่าบริษัท พี แอนด์ เอ็ม เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด มีพฤติการณ์ในลักษณะส่อไปทางฉ้อโกงเกี่ยวกับการจัดซื้อซื้อถุงมือไนไตรแบบแพ็คเปลือย มูลค่าความเสียหายกว่า 37 ล้านบาทเศษ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา นั้น
วานนี้ วันพุธที่ 28 เมษายน 2564 ที่สำนักงานเลขานุการกรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ได้มีผู้แทนของบริษัท พี แอนด์ เอ็ม เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด มายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกกล่าวหาต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีสาระสำคัญว่าบริษัทฯ ได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางไนไตรแบบแพ็คเปลือย กับบริษัท เบาหยวนธง โฮลดิ้ง กรุ๊ป ฮ่องกง จำกัด จริง แต่เหตุที่บริษัทไม่ส่งสินค้าถุงมือยางให้กับบริษัทเบาหยวนธง โฮลอิ้ง กรุ๊ป ฮ่องกง จำกัด ผู้กล่าวหา ตามที่ทำสัญญากันเนื่องจากบริษัทดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งสัญญาให้ถูกต้องสมบูรณ์ และมีการบอกเลิกสัญญากับบริษัท พี แอนด์ เอ็ม เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด อันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายปกติ มิใช่เป็นการฉ้อโกงระดับชาติ ดังที่มีการกล่าวหาบริษัทแต่อย่างใด และบริษัทพี แอนด์ เอ็ม เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด มิได้มีการแอบอ้างผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาล
ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง โดยพนักงานสอบสวนได้นัดหมายผู้แทนบริษัทเพื่อให้เข้าพบและให้ข้อเท็จจริง รวมทั้งแสดงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และมีแนวทางในการเจรจาเพื่อหาข้อยุติอยู่แล้ว ทั้งนี้ บริษัท พี แอนด์ เอ็ม เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด มีข้อสงสัยเกี่ยวกับบุคคลที่พาผู้เสียหายมาร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ โดยขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาให้ความเป็นธรรม ซึ่งสำนักงานเลขานุการกรมได้รับเรื่องไว้แล้ว และส่งเรื่องให้กองบริหารคดีพิเศษประมวลเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อมีคำสั่งให้รวมเรื่อง และพิจารณาให้ความเป็นธรรมตามข้อเท็จจริง และประสานงานกับสถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง ต่อไป
อนึ่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษขอชี้แจงว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ด้านคดี จะเป็นไปตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ที่มีมาตรฐานการปฏิบัติงาน มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยรับฟังข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานทุกชนิดที่สามารถพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ตามอำนาจหน้าที่ ที่กฎหมายกำหนด
ลงวันที่ 29 เมษายน 2564
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน