ข่าวใหม่อัพเดท » ฝ่ายสืบสวน ตม.1 บุกรวบหนุ่มแขกขาวหนีเข้าเมือง ซุกคอนโดฯ กลางกรุงย่านสุขุมวิท ขยายผลจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งพบโอเวอร์สเตย์ 7 ปีกว่า ปูมหลังพัวพันอาชญากรรมเพียบ

ฝ่ายสืบสวน ตม.1 บุกรวบหนุ่มแขกขาวหนีเข้าเมือง ซุกคอนโดฯ กลางกรุงย่านสุขุมวิท ขยายผลจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งพบโอเวอร์สเตย์ 7 ปีกว่า ปูมหลังพัวพันอาชญากรรมเพียบ

4 พฤษภาคม 2021
0

ฝ่ายสืบสวน ตม.1 บุกรวบหนุ่มแขกขาวหนีเข้าเมืองซุกคอนโดฯ กลางกรุงย่านสุขุมวิท ขยายผลจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งพบโอเวอร์สเตย์ 7 ปีกว่า ปูมหลังพัวพันอาชญากรรมเพียบ

วันที่ 4 พ.ค.64 เวลา 10.30 น. ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคาร 1 สตม. ซอยสวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส. บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุม หนุ่มแขกขาวหนีเข้าเมืองซุกคอนโดฯ กลางกรุงย่านสุขุมวิท ขยายผลจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งพบโอเวอร์สเตย์ 7 ปีกว่า ปูมหลังพัวพันอาชญากรรมเพียบ โดยมีรายละเอียดดังนี้

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับทราบข้อมูลจากสายลับไม่ประสงค์ออกนาม ว่ามีชายต่างชาติลักษณะเป็นชาวตะวันออกกลาง ผิวขาว รูปร่างผอมสูง เข้ามาพักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมมีชื่อแห่งหนึ่ง ในย่านซอยนานา สุขุมวิท กรุงเทพมหานคร โดยหลบซ่อน และระมัดระวังตัวเป็นที่น่าสงสัย เชื่อว่าน่าจะได้เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือกระทำการอื่นใด ที่ขัดต่อกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังคอนโดมิเนียมดังกล่าว และกระจายกำลังดักซุ่มรอ

จนกระทั่งหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบชายชาวต่างชาติ มีตำหนิรูปพรรณตรงตามที่สายลับให้ข้อมูลไว้ ปรากฎตัวชั้นล่างของอาคาร จึงได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวหรือหนังสือเดินทาง ในขณะดังกล่าวนั้น ผู้ถูกจับไม่สามารถนำหนังสือเดินทางหรือเอกสารอื่นใดมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ โดยอ้างว่าได้ ทำหายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวมาตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลผ่านระบบไบโอเมตริกซ์ จึงพบว่าชายคนดังกล่าวคือ Mr.MUHAMMAD อายุ 28 ปี สัญชาติซีเรียไม่ปรากฎข้อมูลการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองแต่อย่างใด โดยข้อมูลย้อนหลังไปเป็นเวลากว่า 2 ปี พบว่า Mr.MUHAMMAD มีพฤติการณ์ เป็นธุระจัดหาหญิงไปเพื่อการอนาจาร เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อวันที่ 25 เม.ย.62 ฐานเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย

ในส่วนของผลการสืบสวนขยายผลจากคำให้การของ Mr. MUHAMMAD ถึงขั้นตอนลัก ลอบกลับมาในประเทศไทยในครั้งนี้ ได้ข้อมูลว่า ระหว่าง Mr. MUHAMMAD อยู่ในขั้นตอนรอการดำเนินการส่งกลับไปยังประเทศต้นทาง เมื่อปี 62 นั้น ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ Mr. MUHAMMAD ซึ่งเป็นพลเมืองอุซเบกิสถาน ได้ยื่นคำร้องต่อสถานทูตอุซเบกิสถาน เพื่อให้ดำเนินการรับ Mr. MUHAMMAD กลับไปยังประเทศอุซเบกิสถานแทนประเทศซีเรีย เนื่องจากประเทศซีเรียอยู่ในภาวะสงคราม หลังจากที่ Mr. MUHAMMAD ถูกส่งตัวกลับไปที่ประเทศอุซเบกิสถานแล้วไม่นาน Mr. MUHAMMAD ได้เลิกรากับภรรยาคนดังกล่าว และซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางมาที่ประเทศกัมพูชา

จากนั้นได้ทิ้งหนังสือเดินทาง แล้วอาศัยช่องทางธรรมชาติลักลอบหลบหนีมาในประเทศไทยอีกครั้ง โดยในครั้งนั้น Mr. MUHAMMAD อ้างว่าได้เสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเงินประมาณ 100,000 บาท ให้กับนายหน้าคนกลางที่ประเทศกัมพูชาในการพาเข้ามาในประเทศไทย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้พยายามสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ถึงบุคคลที่น่าจะเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือในการพำนักอยู่ในประเทศไทยของ Mr. MUHAMMAD จนได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Mr. MUHAMMAD มีชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งคอยให้การช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงรวบรวมตำหนิรูปพรรณ และข้อมูลที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติกลุ่มนี้เพื่อเตรียมการขยายผลจับกุม ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ Mr. MUHAMMAD ทราบว่า “เป็นบุคคลต่างด้าว เดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินีดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเดียวกันนี้จึงได้ไปดักเฝ้ารอกลุ่มเป้าหมายตามคำบอกเล่าของ Mr.MUHAMMAD ที่คอนโดมิเนียมอีกแห่งหนึ่งในละแวกเดียวกัน จนพบชายหญิงชาวต่างชาติ 2 ราย มีตำหนิรูปพรรณตรงตามคำให้การของ Mr.MUHAMMAD กำลังขับขี่จักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันออกจากคอนโดมิเนียมที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำกำลังไปวางรอไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง ผลการตรวจสอบพบว่าชาวต่างชาติทั้งสองคือ Mr.SAEED อายุ 32 ปี สัญชาติซีเรีย และ Miss HOUDA อายุ 23 ปี สัญชาติโมร็อคโค โดย Mr.SAEED พบอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (2,612 วัน) และมีประวัติก่อคดีชิงทรัพย์อยู่ในระหว่างปล่อยตัวชั่วคราวภายใต้คำสั่งศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วน Miss HOUDA พบอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดเช่นกัน (750 วัน) ในเบื้องต้นทั้งสองอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Mr.MUHAMMAD เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ทั้งผู้ต้องหาทั้งสองทราบว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทรกรุงเทพ มหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

error: Content is protected !!