วันที่ 17 มิ.ย.64 เวลา 10.30 น. ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคาร 1 สตม. ซอยสวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช. สตม., พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ, พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.ท.ยศพร มาศรีนวล รอง ผกก.ตม.จ.สตูล และ ว่าที่ พ.ต.ท.หญิง กุลนิดา ศุภสิทธิกุลชัย สว.ตม.จ.สตูล ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้ดูแลโรงแรมแห่งหนึ่งว่า มีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 6 คน เข้าพักที่โรงแรมฯ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จ.สตูล ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละงู, หน่วยงานความมั่นคง และเจ้าหน้าที่สาธารณะสุข ควบคุมตัวคนต่างด้าวทั้งหมดไปกักตัว ณ สถานกักตัว Local Quarantine ตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ Covid-19 จากนั้นจึงได้สอบปากคำคนต่างด้าว ทราบว่าคนต่างด้าวทั้งหมดเดินทาง เข้ามาในประเทศไทยโดยใช้เส้นทางธรรมชาติ บริเวณเกาะสอง จ.ระนอง ต้องการเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย โดยมีรถกระบะมารับคนต่างด้าวทั้งหมดที่ บริเวณสวนสาธารณะในตัวเมือง จ.ระนอง และเดินทางมาถึง อ.ละงู จ.สตูล โดยมีคนไทยซึ่งเป็นผู้นำพาคนต่างด้าวทั้งหมดเข้าพักที่โรงแรมฯ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดทราบว่า มีรถยนต์สองคันนำพาคนต่างด้าวเข้าพักโดยรถคันแรกขับนำทางเข้ามายังโรงแรม โดยมี นายหมัดยอหนนฯ อายุ 62 ปีเป็นผู้ขับขี่ และเป็นผู้ดำเนินการเปิดห้องพักให้คนต่างด้าวเข้าพัก ส่วนคนต่างด้าวทั้งหมดและคนขับรถยนต์คันที่สองอยู่ในรถ และไม่ได้ลงจากรถแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงนำภาพทะเบียนรถที่ได้ไปตรวจสอบหาผู้ครอบครองและทราบว่ารถยนต์คันที่สองเป็นรถของนายหมาดเหยดฯ อายุ 62 ปี มีถิ่นที่อยู่ในพื้น จ.ระนอง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลโดยสอบปากคำนายหมาดเหยดฯ ให้การว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของตนจริง แต่ได้มอบให้นายสุรศักดิ์ฯ ซึ่งเป็นลูกเขยของตนไว้ใช้งานมาประมาณ 3 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมข้อมูลและนำภาพนายสุรศักดิ์ฯ มาให้คนต่างด้าวทั้งหมดชี้ตัว โดยทั้งหมดยืนยันว่านายสุรศักดิ์ฯ เป็นผู้ขับรถกระบะคนดังกล่าวไปรับตนที่สวนสาธารณะในตัวเมือง จ.ระนอง และนำพา พวกตนเดินทางมายัง อ.ละงู จ.สตูล จริง เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดสตูลอนุมัติออกหมายจับนายสุรศักดิ์ฯ ที่ จ.107/2564 โดยกล่าวหาว่า “กระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าว เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผ่าฝืนกฎหมาย”
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เรียกตัวนายหมัดยอหนนฯ ให้ปากคำเพิ่มเติมพร้อมทั้งรับทราบข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆแก่คนต่างด้าวซึ่งรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” เจ้าหน้าที่ สภ.ราชกรูด จ.ระนอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สภ.ละงู จับกุมตัวนายสุรศักดิ์ฯ พร้อมนำรถยนต์ของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุ นำส่ง พงส.สภ.ละงู จากการสอบสวนนายสุรศักดิ์ฯเพิ่มเติม นายสุรศักดิ์ฯ ให้การซักทอด น.ส.ไซด้า หรือดาฯ สัญชาติเมียนมา ว่าเป็นผู้จ้างวานตน โดยคิดค่าจ้างเป็นเงิน 5,000 บาทต่อคน และจ่ายเงินมัดจำ 10,000 บาทก่อน ส่วนอีก 10,000 บาท ที่เหลือจะให้เมื่องานสำเร็จ เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดสตูลอนุมัติออกหมายจับ น.ส.ไซด้าฯ จาก ที่ จ.109/2564 โดยกล่าวหาว่า “กระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมตัว น.ส.ไซด้า หรือดาฯ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สรุปผลการปฏิบัติในการบูรณาการทลายในเครือข่ายนี้ สามารถออกหมายจับผู้นำพาบุคคลต่างด้าวผิดกฎหมายหลบหนีเข้าเมืองได้ จับกุมได้จำนวน 1 คน และแจ้งข้อกล่าวหา จำนวน 1 คน อยู่ในระหว่างติดตามตัวเพื่อมาดำเนินคดี จำนวน 1 คน และสามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติเมียนมา ได้ จำนวน 6 คน
พล.ต.ต.สุเมธฯ ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน