“เบื้องหลังประเด็น ร.อ.ธรรมนัส” ลงพื้นที่ปฏิบัติการสยบเพลิงโรงงาน หมิงตี้ ย่านกิ่งแก้ว จนเป็นกระแสถูกวิพากษ์วิจารณ์ !!
กรณีเกิดเหตุระเบิดภายในบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 87 ซ.กิ่งแก้ว 21 หมู่ที่ 15 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก และเกิดเพลิงไหม้ขึ้นนานกว่า 20 ชม.ตั้งแต่ช่วงเวลา 03.00 น.เมื่อวันที่ 5 ก.ค.64 ที่ผ่านมา จากเหตุการณ์ดังกล่าวโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ได้ลงพื้นที่ ร่วมบัญชาการ พร้อมด้วย นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดับไฟโรงงานหมิงตี้ เมื่อคืนวันที่ 6 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา รวมทั้งประสานสั่งการได้ ทุกหน่วย แม้จะไม่ใช่ หน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ ก็ตาม จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไปได้ยังไง ไปในฐานะอะไร ไม่ใช่ รมว.มหาดไทย หรือ รมช.มหาดไทย บ้างก็โจมตีว่า ไปสร้างภาพ สร้างคะแนน ไปชี้นิ้วสั่งการ ทั้งๆที่ ไม่เกี่ยวข้อง
จากการลงพื้นที่ของ ร.อ.ธรรมนัส ในวันดังกล่าว โดย พล.อ.ประวิตร ได้ไฟเขียว เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ต้องกักตัว 14 วันที่บ้านพักใน ร.1รอ.ไม่สามารถ ลงพื้นที่ อำนวยการ หรือเยี่ยมให้กำลังใจด้วยตนเองได้ สำหรับพล.อ. ประวิตร เองดึกดื่นค่ำมืดแล้วจะลงพื้นที่ที่เสี่ยงอันตราย เพราะไม่รู้ว่า จะเกิดระเบิดซ้ำ หรือไฟปะทุขึ้นอีกเมื่อใด แถม เดินเหิน ก็ไม่ค่อยจะสะดวกนัก ดังนั้น ร.อ.ธรรมนัส จึงรับอาสา ทันที เมื่อ พล.อ.ประวิตร โทรศัพท์สอบถามเหตุการณ์ ตลอดทั้งวัน ยันดึก เพราะปกติ ร.อ.ธรรมนัส ถูกวิพากษ์วิจารณ์มักจะลงพื้นที่เสมอๆ โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุ เช่น พายุเข้า บ้านชาวบ้านพัง ก็จะไปเยี่ยมไปช่วยเหลือ ทันทีเรียกได้ว่า เป็นแนวของ “ผู้กองธรรมนัส” อยู่แล้ว
เมื่อคืนวันที่ 6 ก.ค.64 ร.อ.ธรรมนัส เข้าพื้นที่เพลิงไหม้ ราว 5 ทุ่ม ในขณะที่ ไฟยังไม่ดับสนิท แม้จะควบคุมเพลิงได้ หลังจากที่ “เล็ก ฝันเด่น จรรยาธนากร” ดาราดังที่เป็นทีมกู้ภัย ได้แจ้งมาทาง “เสธ.หิ” ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ เพื่อนรักมือขวาของ ร.อ.ธรรมนัส เนื่องจาก เล็ก ฝันเด่น ร่วมทำโครงการใจถึงใจ ทำงานการกุศลร่วมกับ เตรียมทหารรุ่น 25 มาโดยตลอด
โดย เล็ก ฝันเด่น อยู่ในพื้นที่ตั้งแต่เช้ามืด และรายงานสถานการณ์ ร.อ.ธรรมนัส ตลอดเวลา ช่วง 4 ทุ่ม มีข่าวตามสื่อ ว่า ไฟดับแล้ว หน่วยต่างๆ เริ่มถอนตัว แต่จริงๆแล้ว ในพื้นที่ ไฟยังไม่ดับสนิท เล็ก ฝันเด่น ประเมินว่า ไฟจะปะทุขึ้นมาอีกได้ เพราะใต้ดินยังร้อนระอุ เราเอาแค่โฟม สารเคมี ไปปิดทับไว้เท่านั้น แต่พบว่าหน่วยต่างๆ กำลังจะถอนตัว
ร.อ.ธรรมนัส รู้เช่นนั้น จึงเป็นห่วง และต้องการรู้ว่าสถานการณ์จริงเป็นอย่างไร จึงลงพื้นที่ไปดูของจริง ด้วยตนเอง และตั้งใจจะไปเยี่ยมพี่น้องประชาชน ที่ต้องอพยพออกจากบ้านด้วย เมื่อไปถึงพื้นที่ ก็ได้รับการรายงานว่าไฟยังคงมีปะทุอยู่ แต่ควบคุมได้ จึงได้ออกไปเยี่ยมชาวบ้านที่ศูนย์อพยพ ที่ทางราชการจัดไว้ จนเกือบๆตี 1 ทีมในพื้นที่รายงานว่า ไฟปะทุขึ้นมาอีกรอบ มีควันไฟขนาดใหญ่เกิดขึ้น
ร.อ.ธรรมนัส จึงกลับเข้าไปดูอีกครั้ง พร้อมสั่งการให้หน่วยต่างๆที่จะถอนตัว ให้อยู่ช่วยฉีดโฟม หล่อเลี้ยงไว้ก่อน เพราะเกรงว่าหากไฟลุกลาม ถึงแทงค์เก็บสารเคมีขนาดใหญ่ แล้วจะเกิดการระเบิด และสร้างความเสียหาย พร้อมทั้งให้ตำรวจ ในพื้นที่ ตามผู้จัดการโรงงาน มาให้ข้อมูลที่หน้างาน เอาพิมพ์เขียว โครงสร้างโรงงานมาให้ดูว่า ถังสารเคมี อยู่ตรงไหน ยังไง จะได้วางแผนดับไฟ ไม่ให้ไฟไปถึง แท็งค์ใหญ่ ได้ โดยเปิดข่องระบายไฟ ไปอีกด้านหนึ่ง ไกลจาก แท็งค์ใหญ่สารเคมี เพราะเดิมการให้ข้อมูลที่ จนท.ตร.นั้นเป็นการให้ข้อมูลตามสำนวนการสอบสวน แต่จนท.ดับเพลิง หน้างาน ไม่ได้รับทราบข้อมูลต่างๆด้วย จึงดับเพลิงปูพรมไปทั่ว เมื่อผู้จัดการโรงงาน มาถึง จึงให้ชี้จุดในพื้นที่จริงและพา จนท.เดินตรวจ โดยมี พล.ต.เพชรพนม โพธิ์ชัย ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.ศบภ.ทท.ส่วนหน้า หน่วยบัญชาการทหารพัตนา (นทพ.) บก.กองทัพไทย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของ ปภ. ร่วมซักถามและดูพื้นที่จริง
ในระหว่างนี้ ร.อ.ธรรมนัส ได้สั่งให้นำรถฉีดโฟม ของหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน(นรด.) ร่วมกับรถของ ปภ.ช่วยฉีดโฟมหล่อเลี้ยงควบคุมเพลิงไว้ก่อน พร้อมสั่งการให้ พ.อ.ประเทือง แก้วทุย รอง ผอ.รมน. จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 25 ประสานขอโฟมจาก กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก เข้ามาเก็บสำรองไว้ในพื้นที่เพิ่มเติม รวมทั้งให้ ปภ.ขอรับการสนับสนุนโฟมเพิ่มเติมจาก ปตท.
พร้อมกันนี้นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการสมุทรปราการ ได้สั่งการให้เทศบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ให้จัดรถน้ำหมุนเวียนกันเข้าเวรมาสนับสนุนรถฉีดโฟม เพื่อให้ฉีดโฟมหล่อเลี้ยง จนกว่าไฟจะดับจริงๆ ซึ่งอาจใช้เวลาหลายวัน จนกว่าจะเผาไหม้สารเคมี ที่คงค้างอยู่ และหากไม่มีการรั่วไหลจากแทงค์ใหญ่ ไฟก็จะดับมอดได้จริง
ร.อ.ธรรมนัส ขอให้ทาง ปภ.และจังหวัดจะต้องคอยตรวจสอบและประเมินความเสี่ยง ตรวจสอบให้รอบคอบ ไม่ต้องรีบประกาศ ปิดสถานการณ์ เพราะเป็นความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน แม้จะไม่มีอำนาจหน้าที่ ในฐานะรัฐมนตรี กระทรวงที่เกี่ยวข้อง ใดๆ และไม่ใช่ รมช.มหาดไทย แต่ ด้วยความเป็น ร.อ.ธรรมนัส จึงทำให้ทุกฝ่ายเกรงใจ และฟัง โดยเฉพาะการเป็น ทหารเก่า ที่มีสายเลือดเตรียมทหาร และ นายร้อย จปร. ก็ทำให้ ร.อ.ธรรมนัส สามารถประสาน สั่งการ ทั้งตำรวจ ทหาร ได้ เพราะทุกฝ่ายตัองการช่วยดับไฟให้สงบจริงๆ แม้ ทางผู้การตำรวจ และทางทหาร จะเป็น รุ่นพี่ ก็ตาม
ในระหว่างนั้น ร.อ.ธรรมนัส ได้เดินเข้าในพื้นที่ เพื่อดูบริเวณแท็งค์สารเคมีใหญ่ แม้ทีมงาน จะสะกิดว่า อาจไม่ปลอดภัย หากเกิดระเบิดขึ้น แต่ ร.อ.ธรรมนัส อยากดูด้วยตาตัวเอง จะได้มองภาพออก วางแผนได้ ถูกต้อง ที่น่าเห็นใจคือ ผู้ว่าฯ ในฐานะ ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ที่ทำหน้าที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ เกิดเหตุ ที่อ่อนเพลียมาก แต่ใจสู้ และเห็นว่า ทุกคนอ่อนเพลีย เหนื่อยล้ากันมาก โดยที่ ร.อ.ธรรมนัส ขอบคุณทุกคนจากใจ โดยเฉพาะ ทีมกู้ภัย ทุกทีม ที่กล้าหาญ เข้าผจญเพลิงที่แนวหน้า อย่างไม่กลัวอันตราย กว่าที่ ร.อ.ธรรมนัส จะมั่นใจในสถานการณ์ และ ถอนตัวออกมา ตี 3 กว่าๆ เกือบตี 4 โดยตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน พล.อ.ประวิตร ท่านได้โทรสอบถาม สถานการณ์ตลอด ด้วยความเป็นห่วง แต่การเข้าพื้นที่ ครั้งนี้ แม้จะมีเสียงชื่นชม ในความถึงลูกถึงคน เข้าพื้นที่เอง แต่ก็เจอเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย ทั้งการสร้างภาพ สร้างคะแนนและโยงไปถึงการเมือง
ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ยืนยัน อีกครั้งว่า “ทำงานไม่เคยหวังผล หวังตำแหน่ง แต่ เพราะเป็นห่วงจริงๆ และ มีเสียงวิจารณ์ว่า ไม่มีคนในรัฐบาล ลงพื้นที่ไปช่วยเลย ผมจึงตัดสินใจไป และอยากเห็น สถานการณ์ด้วยตัวเอง เพื่อจะได้เร่งช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ทันท่วงที