ข่าวใหม่อัพเดท » รมช.มหาดไทยลงพื้นที่ประสบไฟป่า นำหน้ากากอนามัยแจก จนท.และประชาชนจิตอาสา

รมช.มหาดไทยลงพื้นที่ประสบไฟป่า นำหน้ากากอนามัยแจก จนท.และประชาชนจิตอาสา

1 สิงหาคม 2019
0

         วันนี้ (1 ส.ค.62) ที่สถานีควบคุมไฟป่าพรุควนเคร็ง ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ นครฯ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทยพร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมเป็นกำลังใจแก่ จนท.และประชาชนจิตอาสาในการปฏิบัติการดับไฟป่าพรุควนเคร็ง โดยมีการมอบหน้ากากอนามัยจำนวน 2 พันชุดให้กับ จนท.และจิตอาสาที่มาร่วมดับไฟในครั้งนี้
พร้อมกำชับสาธารณสุขให้การดูแลประชาชนหลังควันไฟปกคลุมพื้นที่จำนวนมาก ด้านกองทัพภาคที่ 4 นำรถตั้งโรงครัวพระราชทาน 2 คัน พร้อมนำอุปกรณ์พร้อมดับไฟ จากนั้นก็ได้รับฟังการรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ในการดับไฟโดยประมาณ 20 นาที

          จากนั้นนายนิพนธ์ฯ ได้เปิดเผยผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์ไฟป่าว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่าที่ผ่านมาเหตุการณ์ไฟป่าไม่ได้เกิดขึ้นมานานมากถึง 3 ปีแล้ว เหตุการณ์ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือนที่ผ่านมา โดยรอบนี้ได้เกิดไฟไหม้เมื่อวันที่ 29 กค.ที่ผ่านมาใน หมู่ 4,8 ต.การะเกด และหมู่ 8,9 ต.เขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ พบว่ามีพื้นที่ป่าเสม็ดและพื้นที่ทำกินของชาวบ้านได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 2 พันไร่ ราษฎรได้รับผลกระทบกว่า 1,400 ครัวเรือน และมีผู้เจ็บป่วยจากการสูดดมควันไฟ 63 คนในจำนวนนี้มีอาการค่อนข้างหนัก 23 คน

          และสถานการณ์ไฟไหม้ป่าควนเคร็งในครั้งนี้ได้ลุกลามออกไปกินเนื้อที่ใน 4 อำเภอคือ อ.เชียรใหญ่,หัวไทร,เฉลิมพระเกียรติ และร่อนพิบูลย์ โดยเฉพาะผลกระทบจากควันไฟที่ปกคลุมพื้นที่บริเวณกว้างโดยตอนนี้ จนท.สามารถที่จะสกัดไฟไม่ให้ลุกลามเพิ่มขึ้นได้แล้วจากการระดมสรรพกำลังจากหน่วยต่างๆทั้งภาคใต้และภาคอื่นๆเข้ามา โดยเบื้องต้นนั้นก็พยายามสกัดพื้นที่ของไฟไม่ให้ขยายวงออกไป และเรื่องที่ 2 คือการรักษาชีวิตราษฎรหากพื้นที่ใดเสี่ยงมากก็จะต้องอพยพออกจากพื้นที่ไว้ก่อนและผลกระทบจากควันไฟ โดยทางสาธารณสุขได้เตรียมแพทย์พยาบาลในการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนไว้แล้ว

          ตอนนี้ในส่วนของพื้นที่ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วคิดว่าเบื้องต้นไม่น่าจะมีปัญหา และได้มีการประสานกับกระทรวงเกษตรฯโดยมอบหมายให้กรมชลประทานในการขนส่งเครื่องสูบน้ำเข้ามาในพื้นที่โดยจะมีการวางจุดสูบน้ำ ทางปภ.ก็ได้ส่งรถฉีดน้ำทางไกลในระยะ3กม.โดยได้มีการเคลื่อนย้ายเข้ามาที่นี้แล้วในส่วนของอัตรากำลังทางกองทัพภาคที่4ก็ได้ส่งจนท.กว่า200คนเข้ามาประจำในพื้นที่แล้ว ซึ่งตนมองว่าความพร้อมของจนท.ทุกฝ่ายก็พร้อมเต็มที่ในการช่วยกันดับไฟป่า ส่วนระยะยาวนั้นก็ทราบว่าทางกรมอุทยานฯได้มีการมอบหมายให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ศึกษาเรื่องการป้องกันไฟ

          ต่อข้อถามที่มีการระบุว่า ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งครั้งนี้มาจากฝีมือของมนุษย์นั้น นายนิพนธ์ฯระบุว่า ในส่วนของการทำผิดกฏหมายในการจุดไฟนั้นทางจังหวัดเองก็ได้สั่งการให้ทางอำเภอดูและสร้างความตระหนักแก่ประชาชนเพราะมันก่อให้เกิดความเสียหายและความเดือดร้อนแก่ประชาชนโดยพยายามที่จะทำความเข้าใจกับประชาชนกลุ่มนี้ส่วนการเผาเพื่อบุกรุกที่นั้น ทางอุทธยานก็ดูแลอยู่แล้วส่วนใหนที่เป็นการบุกรุกก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย สิ่งที่จะต้องดูแลก็คือทำอย่างไรอย่าให้คนบุกรุกพื้นที่เพิ่มมากขึ้น

          จากนั้น รมช.มหาดไทยได้เดินทางเข้าพื้นที่ หมู่ 4 ต.การะเกด เพื่อดูพื้นที่ไฟไหม้ป่าพรุโดยไปที่บ้านของตาไข่ สดศรี คุณตาวัย 87 ปีที่อาศัยอยู่เพียงลำพังในทุ่งนากับวัวอีก 10 ตัว โดยพบว่าพื้นที่รอบบ้านตาไข่ฯ ได้ถูกไฟลุกลามเข้ามาเกือบถึงตัวบ้านตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ และ รมช.มหาดทไยพยายามที่จะพูดคุยเพื่อให้ตาไข่ฯ ออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยเนื่องจาอยู่เพียงลำพัง แต่ตาไข่ฯ ก็ยืนกรานว่าจะขออยู่ที่บ้านขอตายที่บ้าน

          ทางด้านของกองทัพภาคที่ 4 ได้มีการจัดกำลังพลทหารร่วม 100 คน ในการสนับสนุนเจ้าหน้าที่จากส่วนต่างๆ พร้อมประเมินสถานการณ์ทุกชั่วโมงและมีการนำรถครัวสนามพระราชทานจำนวน 2 คันเข้าไปประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนจิตอาสาและเจ้าหน้าที่ทีมาช่วยกันดับไฟ โดยทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้มีการสั่งเตรียมพร้อมทั้งด้านเครื่องจักรกลขนาดใหญ่และเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงน้ำช่วยดับไฟโดยพร้อมสนับสนุนได้ทันที

          ด้านนายถาวรวัฒน์ คงแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประกาศให้พื้นที่ประสบไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง 3 อำเภอ คือ อ.เชียรใหญ่ , หัวไทร และเฉลิมพระเกียรติ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากไฟป่าแล้ว และจะเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือชาวบ้านต่อไป

          สำหรับป่าพรุควนเคร็ง เป็นป่าพรุที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากป่าพรุโต๊ะแดง จ.นราธิวาส โดยพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 250,883 ไร่ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ตอนกลางครอบคลุมพื้นที่คาบเกี่ยวของ 3 จังหวัด ตั้งแต่ลุ่มน้ำปากพนังในเขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติ, เชียรใหญ่, หัวไทร, ชะอวด และร่อนพิบูลย์ จ. นครศรีธรรมราช อ.ควนขนุน จ.พัทลุง จนถึงพื้นที่ตอนบนของทะเลสาบสงขลาในพื้นที่ประกอบด้วยเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 2 แห่ง ป่าสเงวนแห่งชาติพื้นที่ของโครงการมูลนิธิชัยพัฒนา เขตพื้นที่เพื่อการปฏิรูปที่ดิน (สปก) เขตพื้นที่เอกชนซึ่งรอบๆ พื้นที่มีประชาชนอยู่อาศัยหลายหมื่นคนที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี 2562 เกิดไฟป่าไหม้ป่าพรุไปแล้ว 88 ครั้ง เนื้อที่ความเสียหายรวม 4,968 ไร่.

ธีรศักดิ์ อักษรกูล รายงาน

error: Content is protected !!