นครพนม เปิดตลาดนัดข้าวเปลือก เพิ่มทางเลือกให้เกษตรกรในการจำหน่ายข้าว
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 ที่สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.นครพนม จำกัด (สตก.นครพนม) ตำบลนาทราย อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของเกษตรกรที่นำข้าวมาจำหน่ายในโครงการตลาดนัดข้าวเปลือก ปีการผลิต 2564/65 ที่จังหวัดนครพนมได้มีการประสานผู้ซื้อมารวมกัน ณ จุดเดียว เพื่ออำนวยความสะดวกและแบ่งเบาภาระการขนย้ายสินค้าให้กับเกษตรกร เพิ่มโอกาสให้ทุกคนมีช่องทางการจำหน่าย และมีอำนาจในการต่อรองการขายข้าวเปลือกมากยิ่งขึ้น และเข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 ที่ความชื้นไม่เกิน 15% สิ่งเจือปนไม่เกิน 2% โดยตลอดทั้งวันมีเกษตรกรผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันนำข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวมาจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในการจำหน่ายนั้นเกษตรกรส่วนใหญ่เลือกที่จะแบ่งข้าวออกเป็น 4 ส่วน คือส่วนที่นำมาจำหน่ายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวผลิต ส่วนที่เก็บไว้รอให้ราคาข้าวเปลือกสูงขึ้นมากกว่านี้จึงจะนำมาขาย ส่วนที่จะใช้รับประทานในครอบครัว และส่วนที่จะนำไปเป็นเมล็ดพันธุ์ในการผลิตปีถัดไป
นายปรมัศวร์ ทองโพธิ์กลาง ผู้จัดการ สตก.นครพนม เปิดเผยว่า เกษตรกรที่นำข้าวเปลือกมาจำหน่ายในวันนี้จะได้ในราคาพิเศษที่สูงกว่าราคากลางในพื้นที่เฉลี่ยประมาณตันละ 200 บาท ซึ่งเกษตรกรสามารถเลือกเข้าร่วมโครงการได้ 2 แบบ คือเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวที่นำข้าวหอมมะลิแห้งมาจำหน่ายที่จุดบริการ นอกเหนือจากตัวเกษตรกรจะได้ในราคาที่สูงแล้ว ก็ยังจะได้ในส่วนของโครงการชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีด้วย โดยจะได้ราคาที่เป็นราคาตามกลไกที่รัฐบาลกำหนด ราคาอยู่ที่ประมาณ 10.70 – 11 บาท ถือว่าสูงกว่าราคาท้องตลาดมากพอสมควร คิดคราว ๆ ประมาณตันละ 1,000 บาท นอกเหนือจากนี้ยังจะได้ในส่วนของเงินตามประมาณตันละ 500 บาท ส่วนอีกรูปแบบคือการจำหน่ายปกติในตลาดนัด ที่เกษตรกรสามารถเลือกผู้ประกอบการที่จะขายให้ได้ตามที่ตนเองต้องการ ซึ่งในวันที่จัดตลาดนัดจะได้ราคาที่เพิ่มขึ้นประมาณตันละ 200 บาท เพราะฉะนั้นจึงอยากเชิญชวนให้พี่น้องเกษตรกรที่กำหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงนี้ได้มาจำหน่ายในกิจกรรมในครั้งนี้
โดยทางจังหวัดนครพนมมีการจัดตลาดนัด 2 ครั้งคือ วันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2564 จะอยู่ที่สหกรณ์แห่งนี้ ส่วนอีกครั้งอยู่ที่ท่าข้าวชีวาพืชผล ตำบลโพนสวรรค์ อำเภอโพนสวรรค์ ในวันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2564 แต่ถ้าใครมาไม่ทันทั้ง 2 ครั้งที่จัดงาน ก็ยังสามารถมาจำหน่ายหรือเข้าร่วมโครงการได้ตามปกติ เพียงแต่ว่าจะต้องนำข้าวเปลือกไปจำหน่ายกับผู้ประกอบการที่ต้องการโดยตรง แต่ถ้ามาในช่วงที่จัดงานนี้จะมีผู้ซื้อมารวมกันที่จุดเดียวทำให้เกษตรกรทุกคนมีความสะดวกสบายมากกว่า
เทพข่าวร้อน รายงาน