ข่าวใหม่อัพเดท » ชลบุรี-เมืองพัทยาเตรียมสั่งรื้อถอนสะพานข้ามและอาคารริมคลองพัทยาใต้ภายใน 7 วัน หลังพบก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต

ชลบุรี-เมืองพัทยาเตรียมสั่งรื้อถอนสะพานข้ามและอาคารริมคลองพัทยาใต้ภายใน 7 วัน หลังพบก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต

8 สิงหาคม 2019
0

          รองนายกพัทยาเผยรื้อแน่สะพานข้ามคลอง และอาคารริมคลองพัทยาใต้ หลังพบก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต เตรียมเสนอนายกพัทยาลงนามปิดประกาศหมายรื้อถอนหลังครบกำหนดดีเดย์ 35 วันในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ ระบุให้เวลา 7 วัน รื้อถอนเอง หากยังไม่ดำเนินการพร้อมลุยรื้อถอนตามขั้นตอนของกฎหมาย

         จากกรณีที่มีการร้องเรียนจากประชาชนว่าแนวคลองพัทยาใต้ จ.ชลบุรี ที่เมืองพัทยาได้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำตลอดแนวเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง ทั้งในส่วนของอาคาร สะพาน และการระงับการก่อสร้างอาคารต่างๆเนื่องจากขัดต่อกฎหมายต้องแนวระวางเขตที่กำหนดไว้ ก่อนจะจัดสรรงบประมาณเพื่อนำมาพัฒนาทั้งระบบการระบายน้ำและทางเดินเท้าสาธารณะใหม่นั้น แต่พบว่ามีผู้ประกอบการบางแห่งนำโครง สร้างสะพานเหล็กมาจัดตั้งคร่อมคลองไว้เพื่อใช้ในการสัญจร ซึ่งสะพานนี้มีลักษณะเป็นเหล็กพร้อมราวสะพานอย่างแน่นหนาเพื่อเชื่อมต่อเข้าไปยังที่ดินริมฝั่งคลองอีกด้าน โดยหลายฝ่ายมองว่าโครงสร้างสะพานดังกล่าวมีการขออนุญาตอย่างถูกต้องและสามารถกระทำการได้หรือไม่

          ต่อมาเมืองพัทยาได้ทำการปิดหมายประกาศ แบบ ค.3 แจ้งความไปยังเจ้าของอาคารว่าให้ระงับการสร้างสะพานเหล็กขนาด 2.5 x 20 เมตรดังกล่าว โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 40 วรรค 1 และมาตรา 41 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคารจนกว่าจะได้รับอนุญาต รวมทั้งการห้ามมิให้บุคคลใดใช้หรือเข้าไปในส่วนใดๆของอาคารหรือบริเวณที่มีการกระทำดังกล่าว และหมายคำสั่งรื้อถอน ค.7 ตามมาตรา 42 กรณีก่อสร้างดัดแปลงเคลื่อนย้ายอาคารกระทำโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ โดยให้รื้อถอนสะพานเหล็กออกทั้งหมด ซึ่งอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 ให้แล้วเสร็จภายใน 35 วัน หลังได้รับคำประกาศ โดยหากพ้นกำหนดเมืองพัทยาจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ลงชื่อ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ลงนามวันที่ 5 ก.ค.2562 นั้น

          ล่าสุดวันนี้ (7 ส.ค.) นายพัฒนา บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา พร้อมคณะที่ปรึกษา และเจ้าหน้าที่จากสำนักการช่างเมืองพัทยา ตรวจสอบความคืบหน้าของปัญหาสะพานข้ามคลอง และอาคารที่เมืองพัทยาได้ปิดหมายให้ระงับการใช้ และรื้อถอนไปก่อนหน้านี้ว่ามีความคืบหน้าอย่างไร โดยผลจากการตรวจสอบยังคงพบ ว่าสะพานดังกล่าวยังคงมีการใช้งานตามปกติ ขณะที่อาคารริมคลองก็ยังคงมีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง

          โดยกรณีดังกล่าวนายพัฒนา บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่าสำหรับสะพานข้ามคลองนี้มีการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีรูปแบบไม่ตรงตามมาตรฐานของกฎหมายอยู่แล้ว เมืองพัทยาจึงได้ออกคำสั่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เพื่อให้ระงับจนกว่าจะได้อนุญาต ห้ามใช้ และรื้อถอนออก รวมทั้งอาคารฝั่งตรงข้ามที่มีการปิดหมายพร้อมกันตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยให้ระยะเวลาดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จใน 35 วัน แต่ปรากฏว่าจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่ายังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขแต่อย่างใด ดังนั้นในวันที่ 11 สิงหาคมนี้จะครบกำหนดตามหมายประกาศของเมืองพัทยาแล้ว จากนั้นในวันที่ 13 สิงหาคม จะได้นำเรื่องเสนอต่อนายกเมืองพัทยาเพื่ออนุมัติคำสั่งให้รื้อถอนตามกฎหมาย ก่อนจะนำหมายมาปิดประกาศซึ่งจะให้เวลาผู้ประกอบการ 7 วันในการดำเนินการ หากยังคงนิ่งเฉยเมืองพัทยาก็จะเข้ามาดำเนินการรื้อถอนเองและจะมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ประกอบการอีกครั้ง โดยจะเริ่มที่สะพานก่อนเป็นอันดับแรกจากนั้นจึงจะขยายไปยังอาคารด้านใจต่อไป ซึ่งยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมแน่นอน

          นายพัฒนา กล่าวต่อไปว่าขณะที่ยังมีอาคารข้างเคียงที่เคยถูกคำสั่งรื้อถอนตามระวางแนวเขตริมคลองไปในอดีต ช่วงที่ผ่านมาเคยเข้ามาตรวจสอบแล้วโดยทางเจ้าของแจ้งให้ทราบว่าการเข้ามาดำเนินครั้งนี้เป็นเพียงการรื้อถอนซากของอาคาเดิมเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น และเป็นการดำเนินการในที่ดินเอกสารสิทธิ์ส่วนตัวอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่การรื้อถอนโครง สร้างเดิม แต่เป็นการก่อสร้างใหม่ โดยมีการทำโครงเหล็กตั้งเป็นเสาและทำโครงเพื่อปูหลังคาแมททัลชีส ซึ่งไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ในเบื้องต้น จึงได้มอบหมายให้นายตรวจเขตสำนักการช่างทำการเสนอเรื่องต่อนายกเมืองพัทยาเพื่อออกหมายให้ทำการระงับ ดัดแปลงและรื้อถอนต่อไป จนกว่าจะมีการขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายและได้รับการรับรองจากวิศวกรและเมืองพัทยาเช่นกัน

*********************************

ภาพ/ข่าว นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล ทิพย์ศรี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 0909535645
นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

error: Content is protected !!