“แพะ” สินค้าส่งออกแห่ง “ลุ่มน้ำปากพนัง”
“ลุ่มน้ำปากพนัง” เป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำคัญของการเพาะเลี้ยงแพะ เพื่อส่งออกไปขายยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย โดยคณะทำงาน ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ได้เยี่ยมพบปะหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแพะทะเลหลวง ต.ท่าซอม อ.หัวไทร ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ลุ่มน้ำปากพนัง ที่รวบรวมเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะในพื้นที่ 5 อำเภอลุ่มน้ำปากพนัง สำหรับการเลี้ยงแพะ สามารถทำรายได้ให้เกษตรกร เฉลี่ยประมาณเดือนละ 15,000-30,000 บ. โดยมีตลาดรับซื้อที่แน่นอนคือ ประเทศมาเลเซีย ที่ขายผ่านกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ฯ และการขายแม่พันธุ์ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ที่สนใจ
ไพฑูรย์ แก้วชูใส (เล็ก) ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแพะทะเลหลวง เล่าว่า ในตลาดมาเลเซียยังมีความต้องการบริโภคเนื้อแพะอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ยังติดปัญหาเรื่องการส่งออก ต้องส่งออกผ่านพ่อค้าคนกลางชาวมาเลเซียเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรจะส่งออกเป็นแพะเป็นที่ยังไม่ชำแหละ โดยการเลี้ยงแพะ มีค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนเรื่องของอาหารข้น ส่วนใหญ่ ซึ่งต้องซื้อจากนอกพื้นที่ ทั้ง ข้าวโพด กากถั่วเหลือง ส่วนอาหารหยาบ สามารถใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นได้ เช่น กระถิน ทางปาล์มน้ำมัน ฯลฯ
เกษตรกรในพื้นที่นิยมเลี้ยงแพะในสวนปาล์มน้ำมัน โดยกั้นรั้วแล้วปล่อยให้แพะได้ช่วยกินวัชพืช ทางปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นประโยชน์ด้านการกำจัดวัชพืชในสวนปาล์ม สามารถเลี้ยงแพะเป็นรายได้เสริม หรือรายได้หลัก ควบคู่กับการทำสวนปาล์มได้ นอกจากนี้มูลแพะ เกษตรกรยังสามารถนำมาเป็นปุ๋ยบำรุงต้นปาล์ม และสามารถจำหน่ายให้กับผู้ที่สนใจ เพื่อใช้เป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้ ได้อีกด้วย
ปัจจุบันกลุ่มฯ ยังคิดริเริ่มโครงการพัฒนาพันธุ์แพะลุ่มน้ำปากพนัง (แพะแดง) เพื่อต้องการขายพันธุ์แพะสายพันธุ์เฉพาะถิ่นที่เลี้ยงง่าย โตไว ทนทานต่อโรคและสภาพอากาศ เนื้อเยอะมีคุณภาพ สามารถจำหน่ายได้ราคา
เกษตรกร หรือผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อได้ที่โทร 0908683752
แพะ #สินค้าส่งออก #ของดีหัวไทร #สัณหพจน์ สุขศรีเมือง #คนลุ่มน้ำปากพนัง #ชัยชวนคิด #จะตอบแทนด้วยผลงาน