วช.จัดเสวนา “AI-Blockchain Integration Platform” มุ่งนำวิจัยไทย สู่อุตสาหกรรม อย่างเท่าทันโลก
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เปิดเวทีเสวนา เรื่อง แนวโน้มการวิจัยเพื่ออนาคตอุตสาหกรรมไทย ในหัวข้อ“AI-Blockchain Integration Platform” จัดโดย สำนักประสานงานชุดโครงการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Innovative House ในงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2564 -2565 บรรยายโดย รศ.ดร.ศิริเดช บุญแสง คณบดีคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เผย AI และ Blockchain กำลังมา ต้องรู้เท่าทันและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
รศ.ดร.ศิริเดช บุญแสง กล่าวว่า ในอนาคตอันใกล้ ภายใน 5–10 ปี ข้างหน้า เทคโนโลยีที่กำลังจะเข้ามาเป็นรูปเป็นร่างเชิงประจักษ์มากขึ้น คือ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ และ Blockchain ซึ่งจะทำให้เกิด Smart living Smart Society ที่ผ่านมา มีผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์ไว้ว่า AI จะเข้าสู่วงการอุตสาหกรรม โดยจะเข้ามาช่วยให้หุ่นยนต์มีความชาญฉลาด และทำให้กระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นไปได้ที่จะมีหุ่นยนต์บริการ หุ่นยนต์ช่วยคน หรือหุ่นยนต์ทางการทหารเกิดขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
การสร้าง Low code No code Framework เช่น Ciracore ซึ่งเป็น Platform สัญชาติไทย สำหรับช่วยพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ให้เป็นแอปพลิเคชัน จึงนับเป็นต้นแบบความก้าวหน้าของงานวิจัยไทยที่เป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมระดับโลกอย่างเห็นได้ชัด มีการนำไปใช้งานอย่างแพร่หลาย ด้วยลักษณะการใช้งานที่ง่าย หน่วยงานรัฐ สถาบันศึกษาสามารถใช้ได้ ทำงานโดยเชื่อมโยงอุปกรณ์ต่างๆ เช่น กล้อง เซ็นเซอร์ เข้ากับสมองกล และออกมาเป็นตัวปฏิบัติการ เช่น มอเตอร์ เครื่องยนต์ เป็นต้น สะท้อนให้เห็นจาก การนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้ง การค้า และการบริการ เช่น การตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ในกระบวนการผลิตเครื่องยนต์ ตรวจสอบคุณภาพหน้ากากอนามัยทดแทนแรงงานมนุษย์ การนับชิ้นงานผลิตภัณฑ์ต่างๆ การตรวจสอบทางการแพทย์ เช่น การนับจำนวนพยาธิ และการตรวจสอบสายพันธุ์โควิด-19 ในเวลาอันรวดเร็ว เป็นต้น
“ดังนั้น แนวโน้มความก้าวหน้าทางการวิจัย เพื่อต่อยอดในระดับอุตสาหกรรมอย่างเท่าทันโลกของประเทศไทย จึงอาจมองถึงการสร้างโมเดลแบบกระจาย (Blockchain) ของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เนื่องจากการนำ Blockchain เข้ามาช่วย จะทำให้การสร้าง AI เกิดขึ้นได้ง่าย รวมทั้ง นวัตกรรมใหม่ๆ จะเกิดขึ้นจากการควบรวมของ AI และ Blockchain ด้วย เช่น การทำธุรกรรมทางการเงินจากการสแกนลายนิ้วมือ เนื่องจาก Blockchain มีควาฉลาด และมีความปลอดภัยสูง เชื่อว่าในอนาคตอันไม่ไกล ภายใน 5 ปีนี้ อุปกรณ์รอบๆ ตัวเรา จะมีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้น ซึ่งเราจะต้องเตรียมตัว ทำการศึกษาวิจัย เพื่อให้การใช้ AI เกิดประโยชน์สูงสุด อันเป็นการส่งเสริมงานวิจัยจากหิ้งลงมาสู่ห้าง ได้อย่างแท้จริง” รศ.ดร.ศิริเดชฯ กล่าว
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน