ข่าวใหม่อัพเดท » ‘ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง’ จัดเวทีเสวนา ประโยชน์ของพืชกระท่อมเพื่อยกระดับและปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด

‘ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง’ จัดเวทีเสวนา ประโยชน์ของพืชกระท่อมเพื่อยกระดับและปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด

24 กุมภาพันธ์ 2022
0

ความในใจ… “พ.ร.บ.พืชกระท่อม” ประโยชน์ของคนภาคใต้

การริเริ่มผลักดันปลดล็อกพืชกระท่อม ออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 ให้เป็นจริงได้ เกิดขึ้นจากการที่ผมหารือร่วมกับ ท่านสวัสดิ์ สมัครพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ถึงแนวคิดของการยกระดับและปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม ที่มีการใช้ในชีวิตประจำวันมาอย่างยาวนาน รวมทั้งการใช้เป็นสมุนไพรในการเลิกยาฝิ่นในอดีต

ดังนั้นเมื่อวันที่ 5 พ.ย.61 ผมจึงริเริ่มการจัดเวทีเสวนา เชิญผู้มีความเชี่ยวชาญ และองค์ความรู้ในเรื่องพืชกระท่อม อาทิ หมอภูมิไท ดีเป็นแก้ว จากศูนย์พัฒนาการแพทย์แผนไทยช่องเขา สมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย นายพงศธร สุวรรณสุทธิ์ หรือ “เด่น ปากพนัง ,แข้ง ลั่นท่ง” พร้อมด้วยเครือข่าย ซึ่งทำให้ได้รับทราบข้อมูลที่ชัดเจนว่าพืชกระท่อม เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์และไม่ควรถูกจัดอยู่ในบัญชียาเสพติด ต่อมาเมื่อผมได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จึงนำเรื่องดังกล่าวหารือร่วมกับ ท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อผลักดันเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พืชกระท่อม พ.ศ. …. ที่มีท่านสมศักดิ์ เป็นประธานฯ โดยท่านมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้มีการปลดล็อกพืชกระท่อม ออกจากบัญชียาเสพติด

ในพื้นที่ภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีการใช้พืชกระท่อมเพื่อการบริโภคในวิถีชีวิตประจำวัน ทำให้มีเรี่ยวแรงในการทำงาน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ปากพนัง เชียรใหญ่ หัวไทร ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มอุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการปลูกพืชกระท่อมที่มีรสชาติดี การออกกฎหมาย พ.ร.บ.พืชกระท่อม นอกจากจะเป็นการปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้บริโภคตามวิถีชีวิตประจำวัน และการลดความเหลื่อมล้ำของกฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันแล้ว ยังช่วยยกระดับให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ เพื่อการส่งออกในรูปแบบของสมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์แปรรูป ซึ่งไม่จำกัดอยู่เพียงแค่นายทุนรายใหญ่ แต่ชาวบ้านทั่วไปเองก็มีสิทธิที่จะเป็นผู้ส่งออกพืชกระท่อมได้ด้วยตัวเอง

จึงนำมาซึ่งเรื่องของค่าธรรมเนียมการขอส่งออก-นำเข้า พืชกระท่อม ที่ผ่านมาในชั้นกรรมาธิการได้มีการหารือเรื่องของค่าธรรมเนียมใบอนุญาตส่งออก-นำเข้า พืชกระท่อม ให้มีการเก็บค่าธรรมเนียมที่ 1,000 บ./ราย ก่อนที่จะมีการปรับปรุงแก้ไขให้มีค่าธรรมเนียม 5,000บ./ราย โดยมีอายุใบอนุญาต 5 ปี (เฉลี่ย 1,000 บ./ปี) ซึ่งถือเป็นค่าธรรมเนียมที่ต่ำ หากคิดเป็นรายเดือนมีราคาที่ต่ำกว่า 100 บ. ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่ชาวบ้านทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ดังนั้น พ.ร.บ.พืชกระท่อม ที่ออกมาจึงเป็นกฎหมายของประชาชน เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งชาวบ้านสามารถปลูกได้ เข้าถึงง่าย โดยมีข้อยกเว้นในสิ่งที่ผิดกฎหมายคือ การใช้พืชกระท่อมเป็นส่วนผสมร่วมกับยาเสพติดประเภทอื่นๆ

ปัจจุบันจากการลงพื้นที่ติดตามการปลดล็อกพืชกระท่อม ผมพบว่ามีพี่น้องเกษตรกรหลายรายในพื้นที่ภาคใต้ ได้เปลี่ยนพื้นที่สวนปาล์มน้ำมัน สวนยางพารามาปลูกพืชกระท่อมเพื่อรองรับการส่งออกแล้ว ขณะที่บางรายได้ยึดอาชีพการเพาะพันธุ์พืชกระท่อมจำหน่าย ซึ่งทำให้มีรายได้ สามารถลืมตาอ้าปากได้ และอีกจำนวนไม่น้อยที่ยึดหลักการปลูกพืชเชิงผสมผสานในเรือกสวนไร่นา ปลูกพืชกระท่อมร่วมกับพืชผลผลิตทางการเกษตร ชนิดอื่น เช่น ฟักเขียว ฟักทอง พริกเขียวมัน ฯลฯ แม้กระทั่งในวงสนทนาสภากาแฟตามหมู่บ้านทั่วไปทั้งในเขตลุ่มน้ำปากพนัง และพื้นที่ภาคใต้ในทุกจังหวัด พี่น้องประชาชนต่างชื่นชมยินดีที่วันนี้พืชกระท่อมสามารถใช้บริโภคตามวิถีชีวิตประจำวันได้อย่างเสรี ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆเหมือนในอดีต ไม่ต้องกลัวการเข้ามาหาผลประโยชน์โดยใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่ม

สิ่งเหล่านี้คือการทำงานเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน ให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งไม่ใช่คำสัญญาแค่เพียงลมปาก แต่เป็นการเดินหน้าทำงานอย่างตั้งใจ และสามารถทำได้จริง เพื่อตอบแทนการเป็นผู้แทนที่มาจากความไว้วางใจของพี่น้องประชาชน

พืชกระท่อม #สัณหพจน์_สุขศรีเมือง #คนลุ่มน้ำปากพนัง #ชัยชวนคิด #จะตอบแทนพี่น้องด้วยผลงาน


error: Content is protected !!