เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2562 ที่ตลาดสุรนครเมืองใหม่ ตลาดกลางค้าส่งพืชผักและผลไม้ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ ตรงข้ามสถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมา แห่งที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา : พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.สันติบาล พร้อมพวกนั่งรถตู้โดยสาร สีดำ เลขทะเบียน ฆศ 474 กรุงเทพมหานคร มาจอดบริเวณหน้าทางเข้าบริษัท สุรนครเมืองนคร จำกัด ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานตลาดกลางสุรนคร เพื่อเข้ามาเจรจาขอเข้าบริหารจัดการ และดูแลผลประโยชน์ของตลาด โดยมี พ.ต.ท.สายัญ แบ่งสันเทียะ รอง ผกก.สส.สภ.เมือง จ.นครราชสีมา ในฐานะรักษาการแทน ผกก.สภ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อมกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบ เจ้าหน้าที่ปกครองจังหวัดนครราชสีมา กว่า 50 นาย สนธิกำลังมารักษาความสงบเรียบร้อย โดยตั้งเต็นท์อำนวยการบริเวณหน้าทางขึ้นสำนักงาน และนำแผงเหล็กมาตั้งเป็นแนวป้องกันการบุกรุกเข้าไปด้านใน
พ.ต.ท.สันธนะฯ พร้อมพวกได้อ้างกับเจ้าหน้าที่กว่า 10 นาย ที่ตั้งแถวอยู่บริเวณหน้าบันไดทางขึ้น โดยระบุว่าได้รับมอบอำนาจจากนายปรีชา สุวรรณชาติ ผู้บริหารห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) อุ้มบุญธุรกิจ และเป็นตัวแทนครอบครัวสุวรรณชาติ เจ้าของที่ดินจำนวน 38 ไร่ 1 งาน 38 ตารางวา โดยมีแผงขายสินค้า 1,310 แผง ลานขนถ่ายสินค้า 226 แผง ตลาดโต้รุ่ง 58 แผง ตลาดปีนัง 58 แผง และอาคารพาณิชย์ 59 คูหา โดยให้นางอุรัส ชัยรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุรนครเมืองใหม่ ผู้เช่าดำเนินกิจการตลาดสุรนคร การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อแสดงสิทธิ์โดยชอบธรรมเลยต้องเดินทางมาเอง เพราะเกรงจะมีเหตุไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น
พ.ต.ท.สันธนะฯ กล่าวพร้อมแสดงท่าทาง ผู้เช่าว่า ไม่ได้จ่ายค่าเช่าโดยอาศัยช่องว่างของกฎหมาย พยายามยื้อเวลากระบวนการยุติธรรมเรียกเก็บผลประโยชน์เดือนละกว่า 10 ล้านบาท กระบวนการยุติธรรม ไม่สามารถช่วยนายปรีชาฯ แต่สิ่งที่กำหนดคือคำพิพากษาของศาลฎีกา ให้ผู้เช่าชำระเงินให้ ผู้ให้เช่าเป็นเงิน 500 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่มีคำพิพากษาเป็นเวลา 24 ปี ฝากถึงเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตนและพวกไม่ได้มาก่อความวุ่นวายแต่มาทวงสิทธิ์ ขอให้พึงระวังและเลือกปฏิบัติกับความถูกต้อง และผลประโยชน์
ต่อมาที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย บริษัท สุรนครฯ ได้มาพบ พ.ต.ท.สันธนะฯ ซึ่งนำกำลังชายฉกรรจ์จำนวนนับร้อยคนมานั่งรออยู่ตามร่มไม้และในตลาด เพื่อรอสัญญาณเข้าไปครอบครองกิจการตลาด ตามที่ พ.ต.ท.สันธนะฯ อ้างเป็นคำสั่งของศาล บรรยากาศช่วงคู่กรณีได้นำเอกสารมาชี้แจงค่อนข้างตึงเครียด ต่างฝ่ายอ้างสิทธิ์การบริหารจัดการตลาด
พ.ต.ท.สายัญฯ ได้แจ้งความคืบหน้าของกระบวนการยุติธรรม โดยคำพิพากษาของศาลจังหวัดนครราชสีมา คดีหมายเลขดำ ที่ พ.2854/2537 คดีหมายเลขแดงที่ 418/2540 ระหว่าง หจก.อุ้มบุญธุรกิจ โดยเจ้าพนักงานบังคับคดี ผู้ชำระคดีโจทก์กับบริษัท สุรนครเมืองใหม่ จำกัด จำเลย มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 ให้จำเลยชำระเงินและค่าเสียหายให้โจทก์จำนวน 100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 22 พฤศจิกายน 2537) จนกว่าจะชำระเสร็จและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ 9 แสนบาท จนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สิน และบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 68654, 68655, 68656, 3911 ต.ในเมืองและเลขที่ 17512 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา รวมยอดเงินที่ต้องชำระให้กับโจทก์ประมาณ 500 ล้านบาท ปรากฏจำเลยได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ศาลได้พิจารณาวันที่ 25 เมษายน 2562 บัญญัติห้ามมิให้เจ้าหนี้บังคับคดีเอาทรัพย์สินกับลูกหนี้ และพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้อันเกิดจากการผิดสัญญาและให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่เช่า จึงเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้แต่คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด จึงต้องงดการบังคับคดีไว้ และไม่อาจออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามขอได้ ทำให้ พ.ต.ท.สันธนะฯ แสดงท่าทีไม่พอใจ
จากนั้น พ.ต.ท.สันธนะฯ พร้อมพวกได้เดินเท้าพบผู้เช่าแผงขายสินค้าอุปโภค บริโภคในตลาด เพื่อพูดคุยและบอกกล่าวกับพ่อค้าแม่ขาย เดือนสิงหาคม ถือเป็นห้วงเวลาอันมหามงคล นายปรีชาฯ ยินดีที่จะไม่เก็บค่าเช่าแผง หากถูกเรียกเก็บเงินถือเป็นการแอบอ้างให้ไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายได้ จากนั้น พ.ต.ท.สันธนะฯ ได้เดินทางกลับคงเหลือกำลังชายฉกรรจ์ที่อยู่ในพื้นที่ตลาด ส่วนกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ที่ยังตรึงกำลัง เจ้าหน้าที่ได้เรียกให้มาทำประวัติคัดกรองพร้อมตรวจค้น เพื่อป้องปรามการเผชิญหน้าและการใช้เหตุความรุนแรง
พ.ต.ท.สายัญฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปฏิบัติสองมาตรฐานแต่อย่างใด แนวทางปฏิบัติต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หากใครละเมิด มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม โดยก่อเหตุความรุนแรงจะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย
Cr.ตุ๋ย~อาชญากรรม~หน.ศูนย์ข่าวสยามรัฐ~ศูนย์ข่าวยุทธศาสตร์~ข่าวพิมพ์ไทย~นครราชสีมา
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน