ชาวบ้านหวั่นเกิดมลพิษใจกลางเมือง หลังหอประชุมอำเภอเมืองประจวบฯ เก็บสารพิษมูลค่า 32.8 ล้านบาทของเอกชน นานเกือบ 10 ปี
วันที่ 8 มีนาคม 65 ชาวบ้านเขตเทศบาลเมืองร้องถามผ่านผู้สื่อข่าว mono 29 ให้ตรวจสอบหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ กรณีเก็บสาร บีที ใช้กำจัดแมลงดำหนามในสวนมะพร้าว มูลค่า 32.8 ล้านบาท ในหอประชุมใจกลางเมือง ใกล้โรงเรียนอนุบาลจังหวัดฯจนหมดอายุการใช้งานหวั่นเกิดมลพิษทางอากาศใจกลางเมือง และทราบว่ามีการเก็บสารเคมีชนิดเดียวกันกองไว้ในเมรุร้าง ที่วัดนาหูกวาง อ.ทับสะแก อีกมูลค่า 24 .7 ล้านบาท
เนื่องจากเมื่อปีงบประมาณ 2555 จังหวัดประจวบฯ มีการประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉินเพื่อจัดซื้อสาร บีที สำหรับกำจัดแมลงในสวนมะพร้าว แจกจ่ายให้ชาวสวน ต่อมากรมวิชาการเกษตรมีหนังสือด่วนที่สุดเมื่อเดือนสิงหาคม 2555 แจ้งว่าบริษัทคู่สัญญาในการจัดซื้อกับหน่วยงานในจังหวัดได้นำสินค้าที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตร ไม่ได้แจ้งเพื่อดำเนินการผลิต จึงไม่สามารถนำมาจำหน่ายกับทางราชการได้ ทำให้การระบาดของหนอมหัวดำเมื่อหลายปีก่อนส่งผลกระทบกับผลผลิตมะพร้าวในจังหวัด เป็นสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลต้องอนุมัติมะพร้าวนำเข้าจากต่างประเทศหลายแสนตัน
“ทราบว่าบริษัทเอกชนผู้จำหน่ายได้นำสินค้าทั้งหมดเก็บไว้ในหอประชุมอำเภอและวัดนาหูกวาง แต่หลังจากทางราชการยังไม่เบิกจ่ายงบจัดซื้อ จึงมีการร้องต่อศาลปกครองกระทั่งศาลสั่งให้ทางราชการชนะคดี แต่สินค้าทั้งหมดไม่ได้เคลื่อนย้ายออกไปจากสถานที่ราชการและวัด ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้นานเกือบ 10 ปี มีการล้อมรั้วลวดหนาม มีปิดประกาศเป็นเขตห้ามเข้า ผู้สื่อข่าวลงตรวจสอบล่าสุด พบว่าบริษัทที่ขายสาร บีที ไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ตามหมายเลขที่ติดข้างขวดสาร บีที ทำให้ชาวบ้านที่อาสัยบริเวณใกล้เคียงอยากให้หน่วยงานขนย้ายสารพิษดังกล่าวออกจากพื้นที่นำไปกำจัดตามขั้นตอนต่อไป
นัคนินทร์/ข่าวประจวบฯ/รายงาน