“วัชระ” ร้องชวนฟันขบวนการทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่หลังตรวจพบใช้ไม้พะยอมสวมตอไม้ตะเคียนทอง อ่วมกก.ตรวจการจ้างชง บอกเลิกสัญญา พร้อมดำเนินคดีอาญาฉ้อโกง แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตามด้วยแพ่ง-วินัย-ละเมิด
เมื่อวันที่ 1 เม.ย.65 เวลา 9.00 น.ที่อาคารรัฐสภา : นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิ ปัตย์ ยื่นหนังสือผ่านงานสารบรรณถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย กรณีมีการกระทำที่ส่อถึงการกระทำความผิดทางอาญา แพ่ง วินัย และละเมิด ในการไม่ปฏิบัติตามสัญญาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ฯ เกี่ยวกับไม้ในการก่อสร้างและตกแต่งอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ด้วยขณะนี้ได้ปรากฏข้อเท็จจริงถึงผลการตรวจพิสูจน์ตัวอย่างไม้ในโครงการดังกล่าว ซึ่งข้อกำหนดในสัญญา ก่อสร้างระบุให้ผู้รับจ้างใช้ “ไม้ชนิดตะเคียนทอง” ปูพื้น แต่ปรากฏผลการพิสูจน์จากกรมป่าไม้ ลงวันที่ 11 ก.พ.65 แจ้งผลการตรวจพิสูจน์ตัวอย่างไม้ ผลปรากฏว่าเป็น “ไม้พะยอม” มิใช่ “ไม้ตะเคียนทอง” ตามข้อกำหนดในสัญญาก่อสร้างฯ ซึ่งการใช้ “ไม้พะยอม” มาปูพื้นแทน “ไม้ตะเคียนทอง” เป็นเหตุให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ว่าจ้าง) ซึ่งเป็นส่วนราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง เนื่องจากคุณภาพของไม้ไม่ตรงตามข้อกำหนดในสัญญาก่อสร้างฯ และมีคุณภาพต่ำกว่าที่กำหนด ประกอบกับได้มีการจ่ายเงินซึ่งได้มาจากงบประมาณแผ่นดินอันมาจากภาษีอากรของประชาชนทั้งประเทศให้แก่ผู้รับจ้างไปแล้วกว่า 90,000 ล้านบาท จากจำนวนเงินตามสัญญาจ้างทั้งสิ้น 12,280 ล้านบาทนั้น
การกระทำดังกล่าวครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาแล้ว กรณีจึงมิใช่การที่ยังมิได้รับมอบงานจากผู้รับจ้าง แต่เป็นความผิดทางอาญาสำเร็จแล้ว จึงต้องมีผู้รับผิดจากการ กระทำความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2554 บัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยมี เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ ประกอบพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ.2554 บัญญัติให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้บังคับบัญชา ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่ดำรงตำแหน่งบริหารระดับสูง และประเภททรงคุณวุฒิ รวมทั้งมีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณาและเห็นชอบในการประเมินเลื่อนเงินเดือน และลงโทษข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่กระทำความผิดทางวินัย ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่โดยตรงตามกฎหมายในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อสืบหาและลงโทษข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่กระทำความผิดดังกล่าว ตลอดจนสั่งการให้ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการตามกฎหมายกับบุคคลภายนอกที่กระทำความผิดอย่างเคร่งครัดตามกฎหมายโดยด่วน รวมทั้งตรวจสอบพฤติกรรมของนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชน รวมถึงการยึดมั่นในหลักการบริหารงาน “บ้านเมืองสุจริต” เพื่อ เป็นตัวอย่างที่ถูกต้องของการต่อต้านการทุจริตในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ด้วย อนึ่ง นายวัชระได้นำเรื่องนี้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายด้วยแล้ว ทั้งนี้ การนำไม้ไม่ตรงสเปคตามสัญญามาสร้างอาคารรัฐสภาผ่านการตรวจงานของกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา CAMA และบริษัทผู้ควบคุมงาน ATTA แล้ว และคณะกรรมการตรวจการจ้างฯได้ตรวจรับงานแล้วตามที่ผู้รับเหมาแจ้งว่าเป็นไม้ตะเคียนทองตามสัญญาและเบิกเงินงวดงานไปหมดแล้วจึงเข้าข่ายความผิดอาญาฐานฉ้อโกงและแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ตามหนังสือของกรรมการตรวจการจ้างฯที่ส่งถึงนายสาธิต ประเสริฐศักดิ์ ประธานคณะกรรมการตรวจการจ้างฯลงวันที่ 14 มี.ค.65 อันเป็นเหตุที่ ผู้ว่าจ้างสามารถบอกเลิกสัญญากับผู้รับจ้างได้ และนางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้รับทราบแล้วและสั่งข้าราชการห้ามไม่ให้หนังสือฉบับนี้หลุดรอดถึงนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตประธานกมธ.ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎรอย่างเด็ดขาด
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน