ประจวบฯ – แก๊งนายหน้าป่าละอู ขู่ชาวบ้านขอแบ่งที่ดิน หลังย้อมแมวขายสวนทุเรียนในที่ดินตามพระราชสงค์ให้นายทุนสวมสิทธิ์
วันที่ 1 มิถุนายน นายโกศัย เกตุหอม อายุ 55 ปี ชาวบ้านหมู่ 2 บ้านฟ้าประทาน ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมที่ปรึกษากฎหมาย เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.บ้านหนองพลับ กรณีเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานโครงการตามพระราชประสงค์หมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ ป่าละอู – หนองพลับ โดยนำเอกสารหลักฐานที่ยื่นร้องเรียนให้ศูนย์ฯ ตรวจสอบทางสาธารณะเพื่อยุติข้อพิพาท หลังจากทราบว่าเจ้าของแปลงที่ดินข้างเคียง ได้ทำการเปลี่ยนแปลงผู้ถือสิทธิครอบครองที่ดิน 7 ไร่ โดยอ้างว่ามีนายทุนจากนอกพื้นที่ได้เข้ามาสวมสิทธิในที่ดินแปลงเดิม แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ได้เปลี่ยนแปลงข้อความบางส่วนอ้างว่าฝ่ายผู้ร้องเป็นผู้บุกรุกทางสาธารณะดังกล่าว หลังจากภรรยามีชื่อครอบครองที่ดิน 5 ไร่ 86 ตารางวา
นายโกศัย กล่าวว่า ได้นำเอกสารร้องเรียนที่ปรึกษากฎหมาย ประจำศูนย์ประสานงานพรรคเศรษฐกิจไทย จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนเนื่องจากการพิจารณาเรื่องดังกล่าวน่าจะมีข้อพิรุธ กรณีที่เจ้าหน้าที่บางหน่วยงานไม่นำรูปแผนที่ ที่สำนักธนารักษ์ฯ ได้ทำการรังวัดแนวเขตของเขตที่ดิน พร้อมพิกัด จีพีเอส ซึ่งมีการปักหมุดไว้แล้วเมื่อปี 2558 เพื่อสรุปข้อเท็จจริง แต่มีความพยายามของเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย โดยไม่นำหลักฐานเดิมไปตรวจสอบซึ่งอาจเข้าข่ายช่วยเหลือแก๊งนายหน้าที่ขายที่ดินสวนทุเรียนสวมสิทธิ์ให้ฝ่ายนายทุนเพื่อไห้ได้ที่ดินครบ 7 ไร่ ตามข้อตกลงในการซื้อขาย เนื่องจากที่ดินที่ขายไปแล้วไม่ครบ 7 ไร่ตามทำสัญญาไว้ ทำให้นายทุนใหญ่ไม่พอใจ
“เพื่อให้มีความโปร่งใสเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 เจ้าหน้าที่จากศูนย์ฯแจ้งให้ไปให้ปากคำกับคณะกรรมการจัดสรรที่ดินฯ จากนั้นได้นำที่ปรึกษากฎหมาย ตัวแทนสื่อมวลชน และชาวบ้านที่เคยทำการฝังท่อน้ำประปาในทางธารณะมีที่ดินข้างเคียง เข้ารับฟังและชี้แจงข้อเท็จจริง แต่เจ้าหน้าที่ที่ไม่อนุญาตให้ผู้ติดตามเข้าร่วมรับฟัง ส่วนตัวเห็นว่ากระบวนการขั้นตอนมีข้อพิรุธไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงไม่เข้าร่วมให้ชี้แจง จากนั้นได้แจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน สำหรับสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯไม่ลงพื้นที่ที่มีข้อพิพาท เนื่องจากเจ้าของที่ดินที่ขายสิทธิ์ได้ปักเสาไฟฟ้ารุกเข้าไปในทางสาธารณะเพื่อให้ที่ดินเดิมของภรรยาหายไป แล้วนำไปแบ่งเป็นทางสาธารณะ ส่วนตัวไม่ชอบการข่มขู่ ใช้อิทธิพล จะต่อสู้จนถึงที่สุด แม้ว่าจะมีคำเตือนเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน” นายโกศัย กล่าว
มีรายงานว่า สำหรับที่ดินข้อพิพาทดังกล่าว ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งรัดให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาการใช้ที่ดินตามโครงการพระราชดำริกว่า 4 หมื่นไร่ ในโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ป่าเด็ง ป่าละอู อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ รวมทั้งตรวจสอบการบุกรุกเพิ่ม เพื่อตรวจสอบการครอบครองที่ดินทุกแปลง หาเจ้าของสิทธิตัวจริง ตรวจสอบการใช้ประโยชน์ พร้อมทำการรังวัดปักหมุดแนวเขตให้ชัดเจนเพื่อให้เป็นตามพระราชประสงค์
หลังจากเดิมพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริ พระราชทานที่ดินทำกินให้เกษตรกรที่ยากจนครอบครัวละ 23 ไร่ ห้ามขาย โอนสิทธิให้แก่ผู้อื่น แต่ที่ผ่านมามีปัญหาผู้ครอบครองสิทธิบางส่วนนำไปซื้อขายเปลี่ยนมือ บางรายนำที่ดินไปจำนองกับนายทุน ทำให้มีปัญหาข้อพิพาท เนื่องจากที่ดินที่ครอบครองไม่มีเอกสารสิทธิ แต่มีการใช้หลักฐานเอกสารการจ่ายภาษีบำรุงท้องที่หรือ ภ.บ.ท.5 เป็นหลักฐานในการซื้อขาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันผู้ได้รับสิทธิที่ดินทำกินด้านการเกษตร มีรายชื่อผู้ถือครองที่ดินรายเดิมไม่ถึง 50 ราย ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือ กปร. และ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่รับผิดชอบการใช้ที่ดินในโครง การสหกรณ์ฯ ร่วมกับทุกหน่วยงานจัดทำแผนสำรวจพื้นที่โครงการ เพื่อวางแนว ทางจัดระเบียบที่ดินใหม่ทั้งหมดให้มีข้อมูลเป็นปัจจุบัน ทั้งนี้ที่ดินโครงการหมู่ บ้านสหกรณ์ฯจะครอบคลุมพื้นที่ 6 หมู่บ้าน ใน ต .ห้วยสัตว์ใหญ่ ก่อนหน้านี้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือจากใบ ภ.บ.ท.5 ไร่ละกว่า 2.5 แสนบาท มีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางหน่วยไปร่วมชี้แนวเขต เพื่อเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ ทั้งที่ที่ดินดังกล่าวไม่สามารถซื้อขายได้ เนื่องจากเป็นเขตปลอดภัยทางทหาร ที่ศูนย์การทหารราบค่ายธนะรัชต์ขอใช้ที่ราชพัสดุของกรมธนารักษทั้งตำบลตั้งแต่ปี 2456
นัครินทร์/ข่าวประจวบฯ/รายงาน