ข่าวใหม่อัพเดท » สวทช. ขยายงานวิจัยสู่โมเดลธุรกิจใหม่ “9 ดีปเทคสตาร์ทอัป”

สวทช. ขยายงานวิจัยสู่โมเดลธุรกิจใหม่ “9 ดีปเทคสตาร์ทอัป”

25 มิถุนายน 2022
0

“กระจกตาชีวภาพ” แบบใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอผู้บริจาคออกแบบให้เหมาะกับค่าสายตาคนไข้ “เข็มขนาดไมโคร” ในรูปแบบแผ่นแปะช่วยส่งสารสำคัญผ่านผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างจาก “นาสท์ด้า สตาร์ตอัป” NSTDA Startup เพื่อขยายงานวิจัยจากหิ้ง สู่โมเดลธุรกิจใหม่

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 ณ ห้องแถลงข่าว (อว.) ชั้น 1 ถ.พระรามที่ 6 กทม. : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ดร.ฐิตาภา สมิตินนท์ รองผู้อำนวยการ (สวทช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (สวทช.) ร่วมงานแถลงข่าว (สวทช.) ขยายงานวิจัยสู่โมเดลธุรกิจใหม่ “9 ดีปเทคสตาร์ทอัป” พร้อมเปิดตัว 9 NSTDA Startup : Deep-tech Startup เพื่อขยายงานวิจัยสู่โมเดลธุรกิจใหม่ สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและยกระดับเศรษฐกิจด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม

ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ (สวทช.) กล่าวว่า (สวทช.) เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในด้านการวิจัยและพัฒนาที่สร้างคุณค่าและต่อยอดให้กับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) และให้ความสำคัญในการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ เสริมศักยภาพและยกระดับผู้ประกอบการนักลงทุน รวมถึงสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรในการขับเคลื่อนและต่อยอดผลงาน (วทน.) จากหิ้งสู่ห้างเพื่อเชื่อมโยงให้เอกชนเข้าถึงได้ง่าย ทั้งนี้การวิจัยและพัฒนาที่รับโจทย์เพื่อทำวิจัยแล้วถ่ายทอดสิทธิ (Licensing) แบบเดิม อาจไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เนื่องจากเทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกลและส่งผลกระทบต่อหลายสาขาอาชีพมากขึ้น

ดังนั้นเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการส่งผ่านงานวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์ ในรูปแบบธุรกิจใหม่ (สวทช.) จึง ขยายงานวิจัยสู่โมเดลธุรกิจใหม่ ภายใต้กลไกการส่งเสริมและผลักดันผลงานวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์อีกรูปแบบหนึ่งของ (สวทช.) หรือที่เรียกว่า “นาสท์ด้า สตาร์ตอัป” NSTDA Startup ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา เพื่อผลักดันผลงานวิจัยนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และยังช่วยตอกย้ำศักยภาพงานวิจัยสู่การตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรม โดยการแถลงข่าวครั้งนี้มีสตาร์ตอัป ที่ได้รับการอนุมัติจาก (สวทช.) จำนวน 9 ผลงาน ซึ่งกลไกของ NSTDA Startup นี้จะช่วยตอบโจทย์การเร่งให้เกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ของผลงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม (RDI) ให้เร็วยิ่งขึ้น โดยหลักคือจะมีกลุ่มนักวิจัยเข้าร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชนและ/หรือ (สวทช.) ในการปั้นโมเดลธุรกิจ (Business Model) จากผลงานวิจัยของ (สวทช.) เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเป็นแผนธุรกิจ (Business Plan) อย่างเป็นรูปธรรม แล้วก้าวไปสู่การร่วมจัดตั้งเป็นบริษัทสตาร์ตอัป

ดร.ณรงค์ฯ กล่าวต่อว่า สำหรับ NSTDA Startup มีนักวิจัยและบุคลากรวิจัยไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ได้ประยุกต์ใช้องค์ความรู้หลายศาสตร์ และพัฒนาตนเองสู่การเป็นผู้ประกอบสตาร์ตอัป ที่ต่อยอดธุรกิจจากงานวิจัยและพัฒนาจากองค์กรวิจัยระดับประเทศมากถึง 9 ราย ซึ่งพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกสู่สาธารณชนแล้ว โดยจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมต่างๆ หากมาร่วมผลักดันธุรกิจเทคโนโลยีกับ NSTDA Startup และถือเป็นการเปิดโลกการลงทุนใหม่ เพื่องานวิจัยจากแหล่งการลงทุนใหม่ของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่อไป โดยในปัจจุบันจดทะเบียนบริษัทแล้วจำนวน 7 บริษัท และอยู่ระหว่างเตรียมจดทะเบียนอีก 2 ผลงาน (หนึ่งในนั้นจะจดทะเบียนในเร็วๆ นี้) สตาร์ตอัป ของ สวทช. เป็น Deep-tech Startup ที่ครอบคลุมในหลายอุตสาหกรรม ประกอบด้วยสตาร์ตอัป ด้าน Biotechnology & BIO Service สตาร์ตอัป ด้าน Digital สตาร์ตอัป ด้าน Aging Society/Quality of Life และสตาร์ตอัปด้าน ความงามและอาหารเสริม เป็นต้น

สำหรับ 9 NSTDA Startup : Deep-tech Startup เพื่อขยายงานวิจัยสู่โมเดลธุรกิจใหม่ ประกอบด้วย ด้านอุตสาหกรรม Biotechnology & BIO Service ได้แก่ บริษัท ไบโอเทค โกลเบิ้ล อินโนเวชั่น จำกัด ให้บริการแพลตฟอร์มด้าน Biotechnology และ Life Science ที่ครบวงจรรายแรกของประเทศที่ครอบคลุมครบถ้วนทั้งทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และเครือข่ายธุรกิจ

ด้านอุตสาหกรรม Digital ได้แก่ บริษัท เอไอไนน์ จำกัด (AI9) เป็นแพลตฟอร์ม AI ของบริษัทไทยรายแรกที่ให้บริการการถอดเสียงการประชุมโดยใช้เทคโนโลยี AI บริษัท ดาร์วินเทค โซลูชันส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มการจัดอาหารและดูแลสุขภาพในสถานศึกษาแบบครบวงจร บริษัท บิ๊กโก อนาไลติกส์ จำกัด ให้บริการแพลตฟอร์มเพื่อพัฒนาระบบจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data/Data Analytic) ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยต้นทุนที่ลดลง

ด้านอุตสาหกรรม Aging Society/Quality of Life ได้แก่ โครงการ รีไลฟ์ (อยู่ระหว่างเตรียมจดทะเบียนในนามบริษัท รีไลฟ์ จำกัด) ผลิตกระจกตาชีวภาพที่ไม่ต้องรอบริจาคจากผู้อื่น สามารถใช้ได้เลย สามารถออกแบบค่าสายตาให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคน ไม่มีความเสี่ยงจากการใช้กระจกตาจากผู้อื่นหรือวัสดุเทียม บริษัท เบรนนิฟิต จำกัด ให้บริการแพลตฟอร์ม Game-based neurofeedback system ช่วยฟื้นฟูศักยภาพการเรียนรู้ได้ถึง 5 ด้าน และวัดผลได้อย่างแม่นยำ

และด้านอุตสาหกรรมด้านความงามและอาหารเสริม ได้แก่ บริษัท สไปก์ อาร์ชิ เทคโทนิคส์ จำกัด ผลิตเข็มขนาดไมโคร (Microneedle) ในรูปแบบแผ่นแปะเทคโนโลยี Microspike ที่มีลักษณะพิเศษความเฉพาะที่สามารถดีไซน์ได้ตามต้องการของลูกค้าที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้สามารถนำส่งสารสำคัญผ่านผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ควอนตัม ไบโอเทค จำกัด ใช้ประโยน์จากเทคโนโลยีชีวภาพ นำเทคโนโลยีด้านไบโอรีไฟเนอรี่และไฮบริดมาผลิตสารออกฤทธิ์มูลค่าสูงจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร และ โครงการ KANTRUS การผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุออกฤทธิ์สำหรับเครื่องสำอางและการแพทย์ เช่น โปรตีนอีจีเอฟ ที่มีความบริสุทธิ์และความสามารถในการออกฤทธิ์สูง ในราคาที่เข้าถึงได้


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

error: Content is protected !!