ข่าวใหม่อัพเดท » สส.ศรัณย์วุฒิ จี้ 2 รมต.แก้ปัญหาชาวบ้านเสียสละที่ดินอุดมสมบูรณ์ สร้าง “เขื่อนสิริกิติ์” ให้มีไฟฟ้าใช้ ทุกข์ทรมานนานเกือบ 60 ปี

สส.ศรัณย์วุฒิ จี้ 2 รมต.แก้ปัญหาชาวบ้านเสียสละที่ดินอุดมสมบูรณ์ สร้าง “เขื่อนสิริกิติ์” ให้มีไฟฟ้าใช้ ทุกข์ทรมานนานเกือบ 60 ปี

15 สิงหาคม 2022
0

สส.ศรัณย์วุฒิ จี้ 2 รมต.แก้ปัญหาชาวบ้านเสียสละที่ดินอุดมสมบูรณ์ สร้าง “เขื่อนสิริกิติ์” ให้มีไฟฟ้าใช้ ทุกข์ทรมานนานเกือบ 60 ปี เร่งออกพระราชกฤษฎีกา “หยุดตราบาป” ให้คนไทยทั้งประเทศ! คืนสิทธิ์โฉนดที่ดินให้คนท่าปลา เป็นมรดกสู่ลูกหลาน

เมื่อเร็วนี้ ที่บริเวณชั้นที่ 2 อาคารรัฐสภา ถนนอู่ทองใน กรุงเทพมหานคร นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ สส.อุตรดิตถ์ เขต2 นายมานิตย์ รังสีสาคร วัย 81 ปี ราษฎรอำเภอท่าปลาจังหวัดอุตรดิตถ์พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้าน ในพื้นที่ตำบลจริม ตำบลผาเลือด ตำบลน้ำหมัน ตำบลร่วมจิต และ ตำบลท่าปลา เข้าพบนายจุติ ไกรฤกษ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ยื่นหนังสือขอให้ช่วยเร่งรัดและติดตามการ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับราษฎรชาวอำเภอท่าปลา ผู้เสียสละที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยอันอุดมสมบูรณ์ เพื่อก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ให้คนไทยทั้งประเทศได้มีไฟฟ้าใช้เมื่อ 54 ปีที่ผ่านมาปัจจุบันราษฎรในพื้นที่ยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน เป็นมรดกให้กับลูกหลานบางส่วนได้รับเพียงหนังสืออนุญาตให้เข้าใช้ทำ ประโยชน์ในที่ดินเพื่อการครองชีพหรือ น.ค.1 ซึ่ง น.ค.1 จะถูกปรับเปลี่ยนเป็น น.ค.2 และ น.ค.3 หรือโฉนดภายในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2511 จนถึงปัจจุบันนี้ พ.ศ.2565 นับเป็นเวลาถึง 54 ปีแล้ว ราษฎรที่ได้รับหนังสือ น.ค.1 รวมทั้งสิ้น 1,013 ราย จาก 5 ตำบล 12 หมู่บ้าน ยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินทำกิน ตามที่รัฐบาลรับปากจะดำเนินตามขั้นตอนให้ โดยปรับเปลี่ยนจาก น.ค.1 เป็น น.ค.2 และ น.ค.3และเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินให้กับชาวบ้านใน ระยะเวลา 5 ปี ตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 และยังมีราษฎรบางส่วนของพื้นที่ตำบลจริมตำบลน้ำหมัน และตำบลผาเลือดยอมเสียสละที่ดินเหมือนกับรายแรกที่นิคมสร้างตนเอง ลำน้ำน่านตามที่จัดสรรให้ กลุ่มนี้อีกจำนวนกว่า 700 รายไม่ได้รับการ จัดสรรต้องไปอาศัยอยู่ตามที่ดินป่าเสื่อมโทรม เพื่อจับจองอยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2514 ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศยกเลิกการเป็นเขตพื้นที่ป่าไปแล้ว ตัวแทนราษฎรในพื้นที่อำเภอท่าปลา จึงรวมตัวกันเดินทางเข้ากรุงเทพฯ พบนายศรัณย์วุฒิ สส.อุตรดิตถ์ เขต2 ให้นำพาเข้าหา นายจุติ รัฐมนตรีว่า การกระ ทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพื่อเรียกร้องสิทธิ อันชอบธรรม จากการสละที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ เมื่อ 54 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้โฉนดที่ดินทำกิน โดยเรียกร้องขอให้เร่งออก น.ค3และปรับ เป็นเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินให้กับชาวบ้านทั้งหมด 1,713 ราย เพื่อเป็นมรดกให้กับลูกหลานในอนาคต โดยรัฐมนตรีฯ “จุติ” กล่าวว่าจะติดตามและเร่งรัดแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านในพื้นที่อำเภอท่าปลา พร้อมแจ้งความคืบหน้าให้ นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ สส.อุตรดิตถ์ ได้รับทราบ เพื่อแจ้งให้ชาวบ้านได้รับทราบโดยตรง

จากนั้น ตัวแทนชาวบ้านอำเภอท่าปลาทั้งหมด พร้อมด้วย นายศรัณย์วุฒิ สส.อุตรดิตถ์ ได้เดินทางไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าพบ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยื่นหนังสือแจ้ง ปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรชาวอำเภอท่าปลา ผู้เสียสละที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยอันอุดมสมบูรณ์เพื่อก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ เมื่อ 54 ปีที่ผ่านมาและได้อพยพโยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่อาศัยและทำ กินในพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านจังหวัดอุตรดิตถ์ตามที่รัฐบาลจัด สรรให้ซึ่งเป็นพื้นที่แห้งแล้งและทุรกันดารปัจจุบันราษฎรในพื้นที่ยังไม่ได้รับ เอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินเป็นมรดกให้กับลูกหลานบางส่วนได้รับเพียงหนังสืออนุญาตให้เข้าใช้ทำประโยชน์ในที่ดินเพื่อการครองชีพหรือ น.ค.1 และ น.ค.3 แต่ยังไม่ได้รับโฉนดที่ดินตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดินเพื่อ การครองชีพ พ.ศ.2511 รวมทั้งสิ้น 1,713 รายที่ผ่านมาชาวอำเภอท่าปลา ผู้ยอมเสียสละที่ดินทำกินยังขาดการเหลียวแลเอาใจใส่จากหน่วยงานของรัฐ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนในการทำมาหากิน เนื่องจากไม่มีเอกสารสิทธิ์ ที่ดินเป็นของตนเองมาจนถึงทุกวันนี้ ชาวอำเภอท่าปลาผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ พร้อมด้วย นายศรัณย์วุฒิสส.อุตรดิตถ์ได้ติดตามและประสานงานกับหน่วยงาน ราชการ ในจังหวัดอุตรดิตถ์ และหน่วยงานจากส่วนกลางมาโดยตลอด

ล่าสุด สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม(ส.ป.ก.)ได้ทำหนังสือ ถึงอธิบดีกรมป่าไม้ให้เร่งรัดตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของแนวเขต ปฏิรูปที่ดินในแผนที่ท้ายร่างพระราชกฤษฎี กากำหนดแนวเขตที่ดิน ดังกล่าวเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกรมป่าไม้ได้ตอบแจ้งเป็นหนัง สือรับรองแนวเขตดังกล่าวให้กับสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) ได้รับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกันตัวแทนชาวอำเภอท่าปลา พร้อมด้วย สส.ศรัณย์วุฒิ จึงขอให้ ดร.เฉลิมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ช่วยเร่งรัดการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาประกาศเขต ปฏิรูปที่ดินตามขั้นตอนและส่งร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวเขตที่ดินดังกล่าวให้กับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพื่อจะได้ ดำเนินการออกหนังสือ น.ค.3 และปรับเป็นเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน ให้กับราษฎรชาวอำเภอท่าปลา ที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ได้มีเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินเป็นมรดกให้กับลูกหลานต่อไป

ทั้งนี้ ชาวบ้านได้ทำหนังสืออีก 1 ชุดถึงเลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อ เกษตรกรรม(ส.ป.ก.) ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุขให้ได้รับทราบถึงปัญหาดัง กล่าวที่ชาวอำเภอท่าปลาได้รับผลกระทบจากการเสียสละที่ดินเพื่อการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ และได้รับผลกระทบในเรื่องของที่ดินทำกินดังกล่าวด้วย เนื่องจากเลขาฯส.ป.ก.ติดภาระกิจไม่ได้เข้ามาทำงาน ดร.เฉลิมชัย รัฐมนตรีว่า การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงรับมอบหนังสือดังกล่าว แทนพร้อมกล่าวว่าจะรับเรื่องดังกล่าวไปดูแลพร้อมติดตามและแจ้งความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวให้นายศรัณย์วุฒิ สส.อุตรดิตถ์ รับทราบ

นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า น่าเห็นใจพี่น้องชาวอำเภอท่าปลามาก ที่ผ่านมาเกือบ 60 ปีแล้วได้เสียสละที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ให้คนไทย ทั้งประเทศได้สร้างเขื่อนสิริกิติ์ตอนนั้นหน่วยงานไปหลอกชาวอำเภอท่าปลาย้ายขึ้นไปอยู่บนภูเขาหินผุเถอะ เดี๋ยวน้ำจะไหล ไฟสว่าง ทางดี สุดท้ายไม่มี อะไรสักอย่าง ชาวบ้านตกระกำลำบากกลายเป็นผู้มีฐานะยากจน วันนี้คนท่าปลาอยู่ได้ด้วยการส่งลูกหลานออกไปทำงานต่างถิ่นทั่วสารทิศ พร้อมส่งเงินเดือนมาให้พ่อแม่อยู่ที่บ้านใช้ เป็นวิถีชีวิตที่ลำบากมาก ตนมองเห็นว่าคนเหล่านี้ไม่ได้ความยุติธรรม มิหนำซ้ำทางราชการได้ไปออกหนังสือรับรองของนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านจังหวัดอุตรดิตถ์ (น.ค.1) ตั้งเกือบ 60 ปี ไม่สามารถเป็น น.ค.3 และเป็นโฉนดได้ และปล่อยให้ป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานลำน้ำน่าน และ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ประกาศทับที่ดินอยู่อาศัย วันนี้จึงได้นำพี่น้องประชาชนชาวอำเภอท่าปลามาร้องเรียนกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่านฯน่ารักมาก ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวัน ยอมเสียสละเวลาออกมารับเรื่องความเดือดร้อนให้กับคนชาวท่าปลาก่อน พร้อมรับปากว่าจะดูแลและเร่งรัดให้เร็วที่สุด เรื่องดังกล่าวได้มีการสื่อสารไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งดูแลหน่วยงานนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน จังหวัดอุตรดิตถ์และทางนิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านจังหวัดอุตรดิตถ์ก็รับ ปากจะดูแลปัญหาให้ชาวบ้าน แต่หน่วยงานนิคมฯ ติดต้องรอเรื่องจาก ส.ป.ก. ทางรัฐมนตรีฯ จุติ ไกรฤกษ์ จะเร่งรัดทางหน่วยงานส.ป.ก. ให้กับคนท่าปลา คิดว่าน่าจะเป็นข่าวดีให้กับคนในพื้นที่

ลุงมานิตย์ วัยเกือบ 90 ปี พูดคำนึงกินใจมาก “ก่อนที่จะสิ้นใจจะได้เห็นเอกสารสิทธิ์โฉนด ที่ดินไหม จริงแล้วเราต้องรับผิดชอบให้กับคนท่าปลาไม่ใช่ให้คน ท่าปลาเสียสละต้องมาตกระกำลำบากแบบนี้ เห็นแล้วสงสารลุงจับใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าราษฎรชาวอำเภอท่าปลาเคยเรียกร้องขอเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินเป็นของตนเองมานานหลายปีติดต่อกัน แต่ก็ยังไม่เคยมีหน่วย งานใดให้ความสนใจแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับคนอำเภอท่าปลาที่ยอมเสียสละที่ดินอยู่อาศัยและที่ดินทำกินเพื่อการก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ให้คนไทยทั้งประเทศได้มีไฟฟ้าใช้อย่างจริงจังต้องยอมทนทุกข์ตกระกำลำบากอาศัยอยู่บนที่ดินแห้งแล้งไม่มีน้ำและไฟฟ้าใช้อย่างสะดวกเหมือนกับชาวบ้านในพื้นที่อื่น ทั้งเรื่องน้ำอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการเกษตรสภาพดินเพื่อการเพาะปลูก ก็ไม่สามารถเพาะปลูกได้ เนื่องจากเป็นหินดินดานภูเขา การใช้ชีวิตก็อยู่ด้วยความลำบากไม่เหมือนที่ดินอยู่อาศัยเดิมที่อุดมสมบูรณ์ สภาพดินดี การเพาะปลูกดี แหล่งน้ำดี การแก้ปัญหาก็แบบสุกเอาเผากิน หวังให้ชาวบ้านท่าปลาหลงเชื่อไปวันๆ 2 ชั่วอายุคนแล้ว ชาวบ้านก็ยัง ไม่ได้เอกสารสิทธิ์ที่ดินเป็นของตัวเอง

ล่าสุดวันที่ เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ นายวิทูล นะถา อดีตนายกเทศบาลตำบลจริม พร้อมตัวแทน ชาวบ้านจากพื้นที่ 5 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประกอบด้วย พื้นที่หมู่ 1,2,5,6 และ 13 ตำบลจริม พื้นที่หมู่ 2,6,7 และ 12 ตำบลท่าปลา พื้นที่หมู่ 1,3, และ 10 ตำบลร่วมจิต จำนวนกว่า 150 คน พร้อมป้ายไวนิลขนาด 2 เมตร, ขนาด 1 เมตร และป้ายกระดาษ เขียนข้อความว่า “ชาวท่าปลา เสียสละที่ดินทำกิน เพื่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ 53 ปี ยังไม่มีโฉนด เป็นมรดกให้ลูกหลาน อีก 2 ปี นิคมยุบตัวแล้ว นายก ประยุทธ์ ช่วยด้วย!, คนท่าปลา เป็นผู้เสียสละ” หนีน้ำมาอดน้ำ ทำนาบนหินผา ชาวท่าปลาทำเพื่อใคร? ผลตอบแทนคือ…”ความเจ็บปวด”, น.ค.1 ต้องจบที่รุ่นเรา “โฉนด” มีไว้ให้ลูกหลาน โดยมีสำเนาเอกสาร น.ค.1 ขนาดA3 จำนวน 3 แผ่นนำมาโชว์ พร้อมกับสำเนาเอกสาร น.ค.1 ขนาดใหญ่ ติดอยู่บนแผ่นฟิวเจอร์บอร์ด เป็นสำเนาหนังสืออนุญาต ให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดิน ตั้งแต่ปี 2511 พร้อมป้ายข้อความ อื่นอีกจำนวนมากรวมตัวกันเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมเกี่ยวกับที่ดินทำกิน กรณียอมเสียสละที่ดินอันอุดมสมบูรณ์เพื่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ให้คนไทยทั้งประเทศได้มีไฟฟ้าใช้ นับเป็นการประท้วงเรียกร้องครั้งล่าสุด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อปี พ.ศ.2511 ชาวอำเภอท่าปลา ตำบลจริม ตำบลท่าปลา ตำบลน้ำหมัน ตำบลหาดล้า ตำบลร่วมจิต และ ตำบลผาเลือดได้อพยพโยกย้ายถิ่นฐานยอมเสียสละที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยอันอุดมสมบูรณ์ ให้มีการก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ เพื่อคนไทยทั้งประเทศ ได้มีไฟฟ้าใช้ เมื่อ 54 ปีที่ผ่านมาและเข้าไปอาศัยอยู่ในที่ดินนิคมสร้าง ตนเองลำน้ำน่านจังหวัดอุตรดิตถ์ตามที่รัฐบาลจัดสรรให้บนที่ดินแห้งแล้ง และทุรกันดารโดยได้รับหนังสือรับรองสิทธิ์ที่ดินในการเข้าอยู่อาศัยและทำกินเป็น น.ค.1 ซึ่ง น.ค.1 จะถูกปรับเปลี่ยนเป็น น.ค.2 และ น.ค.3 เมื่ออาศัยอยู่ครบ 5 ปี จึงจะได้เอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินเป็นของตนเอง น.ค.2 และ น.ค.3 หรือโฉนดภายในระยะ เวลา 5 ปี ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2511 จนถึงปัจจุบันนี้ พ.ศ.2565 นับเป็นเวลาถึง 54 ปีแล้ว ราษฎรที่ได้รับหนังสือ น.ค.1 รวมทั้งสิ้น 1,013 ราย จาก 5 ตำบล 12 หมู่บ้าน ยังไม่ได้รับเอก สารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินทำกิน ตามที่รัฐบาลรับปากจะดำเนินตามขั้นตอนให้ โดยปรับเปลี่ยนจาก น.ค.1 เป็น น.ค.2 และ น.ค.3และเป็นเอกสารสิทธิ์ โฉนดที่ดินให้กับชาวบ้านในระยะเวลา 5 ปีตามพระราชบัญญัติ จัดสรรที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511และยังมีราษฎรบางส่วนของ พื้นที่ตำบล จริม ตำบลน้ำหมันและตำบลผาเลือดยอมเสียสละที่ดิน เหมือนกับชุดแรกเข้าอยู่อาศัยพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่านตามที่จัดสรรให้ กลุ่มนี้อีกจำนวนกว่า 700 ราย ไม่ได้รับการจัดสรรต้องไปอาศัยอยู่ตาม ที่ดินป่าเสื่อมโทรม เพื่อจับจองอยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2514 ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าว ถูกประกาศยกเลิกการเป็นเขตพื้นที่ป่าไปแล้วแต่ถูกหน่วยงานของรัฐเพิก เฉยและทอดทิ้งมาถึงทุกวันนี้ จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ ไขปัญหาให้กับชาวอำเภอท่าปลาที่ยอมเสียสละที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ ได้มีสิทธิในที่ดินทำกินตามนโยบายของรัฐบาลที่เคยรับปากดูแลให้กับผู้เสียสละอพยพโยกย้ายถิ่นฐานที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยอันอุดมสมบูรณ์ เพื่อการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ให้คนไทยทั้งประเทศได้มีไฟฟ้าใช้ ให้เขาเหล่านั้นได้สิทธิ์อันชอบธรรมตามกระบวนการของกฏหมาย


error: Content is protected !!