วันนี้วันที่ ๑๖ สิงหาคม เป็นวันคล้ายวันมรณภาพ ของหลวงปู่ศรี มหาวีโร รำลึกครบรอบ “ปีที่ ๑๑ ” ๑๐๓ ปีชาตกาล พระอริยเจ้าผู้มากล้นมีบุญ “หลวงปู่ศรี มหาวีโร ท่านได้เข้าถวายตัวเป็นศิษย์ ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๒ ครั้นนั้นหลวงปู่ศรี มหาวีโร อายุย่าง ๓๒ ปี พรรษา ๔ ณ วัดหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ตามลำพังเพียงผู้เดียว และได้อยู่จำพรรษา อีกทั้งได้มีโอกาสอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น ร่วมกับหลวงปู่วัน อุตฺตโม และหลวงปู่หล้า เขมปัตโต โดยมีหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นหัวหน้าคอยควบคุมดูแลในตอนนั้น
ศิษย์รุ่นสุดท้ายท่านพระอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่นภูริทัตโต
ในพรรษาที่ ๕ นี้ หลวงปู่ศรี ได้มีโอกาสฟังธรรมจากท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบการแสดงธรรมในแต่ละวัน ในแต่ละครั้ง ช่างเป็นธรรมะที่ลึกซึ้ง และไม่เคยได้ยินได้ฟังจากที่ใดมาก่อน ทำให้จิตใจที่มืดมนมาแต่ก่อนเก่า พลันเกิดสว่างไสว กำลังใจก็เกิดอิ่มเอิบอาจหาญมากทีเดียว หลวงปู่ศรี เล่าว่า “พอท่านเทศน์เชิงแนะนำแล้ว เราหายสงสัยทันที มีแต่จะลงทุนลงแรง ลงมือประพฤติปฏิบัติภาวนาอย่างเต็มที่ นั่งภาวนาแล้ว เดินจงกรม กำหนดสติอารมณ์ สิ่งใดเกิดขึ้นมาก็พิจารณา เอาสภาวธรรมตามความเป็นจริงทั้งกลางวันกลางคืน ไม่ย่นย่อท้อถอย เอาชีวิตนี่แหละเป็นเดิมพันเพื่อแลกกับความดี”
จวบจนพอออกพรรษา ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๒ นั้น ถึงช่วงที่องค์หลวงปู่ใหญ่มั่น อาพาธหนัก กลางดึกเวลา ๐๒.๒๓ น. ของวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๒ ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต ก็ดับขันธวิบากเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ณ วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร ฉะนี้เอง องค์หลวงปู่ศรี มหาวีโร จึงได้ถูกขนานนามว่า “หลวงปู่ศรี มหาวีโร ศิษย์รุ่นสุดท้าย ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต”
การบรรลุธรรม
ในพรรษาที่ ๑๙ ปีพุทธศักราช ๒๕๐๖ เมื่อออกพรรษาแล้วหลวงปู่ศรี ได้เดินทางมายังวัดป่าหนองแซง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เพื่อให้หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ ช่วยแก้จิตที่เสื่อมให้ เมื่อหลวงปู่บัว ท่านให้อุบายธรรมต่างๆแล้ว หลวงปู่ศรี ก็ทุ่มเทกำลังสติปัญญาทั้งหมด ปฏิบัติแบบไม่ใยดีในชีวิต ใช้ความเพียรกล้าอย่างยิ่งยวด ทั้งกลางวันและกลางคืน เรื่องการหลับนอนไม่ได้สนใจ อาศัยขันติคือความอดทนนั่งพิจารณาคลี่คลายสังขารส่วนต่างๆ ยอมเป็นยอมตาม ไม่อาลัยในสังขารชีวิตซึ่งเป็นสิ่งสมมุติ “จนจิตได้บรรลุธรรมอันพึงประสงค์ด้วยอำนาจตบะธรรมอันแกร่งกล้าอย่างหาผู้เปรียบได้ยากยิ่ง”
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เคยกล่าวยกย่องหลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่าประชาคมวนาราม อำเภอศรีสมเด็จจังหวัดร้อยเอ็ด ไว้ดังนี้”…อาจารย์ศรีท่านก็มีนิสัยวาสนากว้างขวาง ไปคนละทิศละทาง คือเรื่องนิสัยวาสนาใครจะมาปรุงมาแต่งให้เป็นไม่ได้นะ ต้องเป็นขึ้นตามหลักธรรมชาติ คือเจ้าของเป็นผู้สร้างขึ้นมาเอง นิสัยวาสนากว้างแคบขึ้นอยู่กับตัวเองเป็นผู้สร้าง ใครคับแคบตีบตันคนนั้นก็นิสัยวาสนาคับแคบตีบตัน ไปที่ไหนก็ไม่ค่อยสมบูรณ์พูนผล ผู้ใดมีนิสัยกว้างขวางเฉลี่ยเผื่อแผ่ การทำบุญให้ทานไม่อัดไม่อั้น ไปที่ไหนก็ตามบริษัทบริวารก็มีมาก ว่าอะไรก็เป็นอันนั้นขึ้นมาๆ เรียกว่าเป็นไปตามนิสัยวาสนาอย่างอาจารย์ศรีท่านก็มีนิสัยวาสนากว้างขวาง เกี่ยวกับเรื่องฝ่ายประชาชนพระเณรมาดั้งเดิม ท่านมีนิสัยกว้างขวางไปที่ไหนว่าอะไรลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง ฮือพร้อมกันหมดๆ นี่ท่านก็ไม่ได้มา แต่บริษัทบริวารลูกศิษย์ลูกหาของท่านมาจำนวนมากมายเต็มศาลา เห็นไหมล่ะ นี่ละถือเอาท่านเป็นเหตุ การสร้างบุญสร้างกุศลท่านไม่มาบริษัทบริวารทั้งหลายก็มาเพราะท่านแก่ ท่านรู้สึกว่าอายุจะอ่อนกว่าเราหน่อย แต่จะชำรุดมากกว่าเรา ท่านเคยอยู่กับเรามา…” กล่าวไว้เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ยังได้เคยกล่าวยกย่องหลวงปู่ศรี มหาวีโร “…ท่านอาจารย์ศรีมีลูกศิษย์ลูกหามาก พระเจ้าพระสงฆ์ที่เป็นสาขาของท่านก็มีอยู่ทั่วไป นอกจากจังหวัดร้อยเอ็ดแล้ว ยังมีทั่วไปในประเทศไทย ท่านนับว่า เป็นผู้มีบุญวาสนากว้างขวางองค์หนึ่งที่หาได้ยาก เพราะคำว่าวาสนานี้ มิได้เกิดขึ้นอย่างลอยๆ หรือเสกสรรปั้นยอกันเกิดขึ้นได้ แต่ต้องเกิดมาตามหลักธรรมชาติ แห่งบุญญาธิสมภารของท่านผู้สร้างบุญบารมีมา เมื่อสร้างมากขึ้นๆ ก็ยิ่งเพิ่มบารมีขึ้นเต็มหัวใจ เต็มนิสัยวาสนา ไปสถานที่ใดก็มีคนเคารพนับถือ จากนั้นก็มี เทวบุตร เทวดา อินทร์ พรหม กราบไหว้บูชา เป็นขวัญตาขวัญใจ ไปได้ทุกแห่งทุกหน เพราะอำนาจแห่งเมตตาธรรมที่ท่านปฏิบัติมา บรรจุอยู่ในหัวใจเต็มไปหมด อำนาจแห่งเมตตาธรรมนี้เอง ทำความร่มเย็นให้แก่โลกทั้งสาม คือ กามโลก รูปโลก อรูปโลก หรือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ทั้ง ๓ นี้ อยู่ใต้ร่มเงาแห่งเมตตาธรรมทั้งนั้น…”
การมรณภาพ
ช่วงใกล้รุ่งสางของวันที่ ๑๖ สิงหาคม หลวงปู่ศรี ท่านเริ่มแสดงอาการลาขันธฺลาวัฏวน องค์ท่านอยู่ในท่านอนหงาย ลมหายใจท่านก็อ่อน และละเอียดลงตามลำดับ จนหายเงียบไปอย่างละเอียดสุขุมในที่สุด หลวงปู่ศรี มหาวีโร ศิษย์รุ่นสุดท้ายท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต ได้เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน เมื่อเวลา ๐๕.๓๔ น. ของวันอังคารที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔ ณ กุฏิกลางน้ำ วัดป่าประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด สิริอายุรวม ๙๔ ปี ๓ เดือน ๑๔ วัน ๖๖ พรรษา