สมาคมสันนิบาตฯ-กสศ. ลงนาม MOU สานพลัง ลดเหลื่อมล้ำทางศึกษาผ่านเครือข่ายเทศบาลทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 19 ก.ย.65 ณ ห้องจูปิเตอร์ 4 อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี : สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ร่วมกับ (กสศ.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือช่วยเหลือเด็กยากจนด้อยโอกาสกลับเข้าสู่ระบบลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พร้อมเชื่อมโยงการสนับสนุนเพื่อขับเคลื่อนสู่งานผ่านเทศบาล 2,400 แห่งทั่วประเทศ ควบคู่กับการพัฒนาระบบฐานข้อมูล องค์ความรู้ เครื่องมือ เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) ในการดำเนินงานร่วมกันเพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ความช่วยเหลือแก่เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาส และผู้ด้อยโอกาส ให้เข้าถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา
นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เปิดเผยว่า ปัจจุบันหนึ่งในภารกิจสำคัญของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องคือ ความพยายามในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ครอบครัวมีฐานะยากจนพิเศษ ในกลุ่ม 20 เปอร์เซ็นต์ล่างสุดของประเทศให้ ได้รับการศึกษาจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นอย่างน้อย เพื่อจะได้มีความรู้ความสามารถในการออกไปประกอบอาชีพตามความถนัดและมีศักยภาพเพียงพอที่จะพึ่งพาตนเองในการดำรงชีวิตประจำวันอยู่ได้
ที่ผ่านมา (กสศ.) มีบทบาทหน้าที่ในการเหนี่ยวนำให้ทุกภาคส่วนได้เกิดความร่วมมือเพื่อช่วยกันกำหนดเป้าหมายต่อการพัฒนานโยบายลดความเหลี่อมล้ำสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเด็กและเยาวชนที่ยังขาดโอกาสทางการศึกษามากที่สุด ถือว่าสอดคล้องกับบทบาทของเทศบาลทั่วประเทศที่มีหน้าที่สำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน โดยครอบคลุมทั้งกลุ่มเด็กในระบบและนอกระบบการศึกษา ตลอดจนไปถึงเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา
“ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสมาคมสันนิบาตเทศบาลฯ และ (กสศ.) ในครั้งนี้ จะนำไปสู่ความร่วมมือสำคัญคือ
- นำองค์ความรู้และนวัตกรรมที่ได้รับไปสู่วิธีการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และสร้างทางเลือกในการเข้าถึงการศึกษาให้มีความหลากหลายแก่เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาส รวมถึงผู้ด้อยโอกาส นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อให้สอดคล้องกับบริบท และความต้องการที่แตกต่าง มีหลากหลายตามบริบทของพื้นที่นั้นๆ
- วางกลไกการทำงานเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาในระดับเทศบาล และ
- สร้างความตระหนัก และการมีส่วนร่วมของภาคภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาร่วมกัน” นายพัฒนะพงษ์ฯ กล่าว
นายพัฒนะพงษ์ฯ กล่าวอีกว่า ในนามของ (กสศ.) ขอขอบคุณ สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย คณะกรรมาธิการบริหารสมาคมสันนิบาตเทศบาลฯ ในการร่วมมือกันเพื่อจะทำงานช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาส ได้เข้าถึงระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาต่อไป
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมสันนิบาตฯ เป็นศูนย์กลางของเทศบาลทั้งหมด ปัจจุบันมีสมาชิกถึง 2,400 แห่งทั่วประเทศ และเทศบาลทุกแห่งถือเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ขณะเดียวกันเทศบาลต่างมีโรงเรียนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเทศบาลเช่นกัน ดังนั้นในแง่พื้นฐานการทำงานของเทศบาลจะมีเรื่องของการจัดการศึกษา การดูแลพื้นที่ จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่มาร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคภาคทางการศึกษา เพราะ (กสศ.) มีนวัตกรรม ระบบการชี้เป้าถึงพื้นที่ การค้นหาเด็กยากจนด้อยโอกาส ประกอบกับเทศบาลมีทีมงานไม่ว่าจะเป็นกองสวัสดิการสังคม กองทุนสำนักงานการศึกษา สำหรับอออกไปทำงานค้นหาเด็กยากจนด้อยโอกาสร่วมกับ (กสศ.) ในอนาคต เพราะหลังจากค้นเด็กเจอแล้วจะมีการนำเด็กกลุ่มนี้กลับเข้ามาสู่ระบบการศึกษาให้มากที่สุด
“ต้องยอมรับว่าสังคมทุกวันนี้เป็นสังคมแห่งความรู้เมื่อใดก็ตามที่เด็กออกนอกระบบการศึกษาไปแล้วก็จะไม่มีอะไรช่วยให้เด็กมีหลักยึด สุดท้ายทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมาในอนาคต ดังนั้นทางสมาคมสันนิบาตฯ จึงต้องพยายามติดตามเด็กกลับเข้าสู่ระบบให้มากที่สุด จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้สมาคมสันนิบาตเทศบาลฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา สำหรับทำงานร่วมกันสร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา” นายพงษ์ศักดิ์ฯ กล่าว
นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย กล่าวทิ้งท้ายว่า ท้องถิ่นมีงบประมาณเช่นเดียวกับ (กสศ.) จะเป็นบทบาทสำคัญในการสนับสนุนงานท้องถิ่นร่วมกันเพื่อช่วยเหลือเด็ก และเยาวชนยากจนด้อยโอกาส และในอนาคตอาจมีการจัดตั้งกองทุนสำหรับช่วยเรื่องการให้ทุนการศึกษาเด็กตลอดจนไปถึงการฝึกสอนอบรมการออกไปประกกอบวิชาชีพได้ ทั้งหมดนี้หากเทศบาล 2,400 แห่งทั่วประเทศ สามารถทำงานตรงนี้อย่างเต็มที่ จะสามารถช่วยนำเด็กนอกระบบการศึกษากว่า 200,000 คน กลับเข้ามาสู่ระบบการศึกษาได้
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน