ฟังกันให้ชัด !! เตรียมยกระดับท่าเรือแหลมฉบังขึ้นเป็น 1 ใน 10 ของโลก พร้อมความปลอดภัยทั้งภายใน-รอบชุมชน และพัฒนาท่าเรือให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เตรียมยกระดับท่าเรือแหลมฉบัง ให้เป็นท่าเรือชั้นนำอันดับหนึ่งของเอเชีย และติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก
วันนี้ (7ก.ย.) ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม พร้อมมอบนโยบายให้กับคณะผู้บริหารและพนักงานท่าเรือแหลมฉบัง ที่ห้องแตรทอง 1 ศูนย์สวัสดิการท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยมีเรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมด้วย ผู้บริหาร ให้การต้อนรับ
ดร.อธิรัฐ กล่าวว่า ท่าเรือแหลมฉบัง ถือเป็นท่าเรือหลักและเป็นประตูเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ที่สำคัญให้กับประเทศ และในอนาคตจะต้องเป็นท่าเรือชั้นนำอันดับหนึ่งของเอเชีย และติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก เพื่อรองรับปริมาณตู้สินค้าที่จะเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและของโลก
นอกจากนั้น จะต้องเน้นเรื่องของความปลอดภัยในทุกๆด้าน เช่น โครงการต่างๆที่กำหนดไว้ตามแผนงานต้องไม่ผิดกฎหมายและจารีตประเพณี ,ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพนักงานทุกๆคน ที่สำคัญความรับผิดชอบต่อสังคมภายนอกท่าเรือ โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่โดยรอบท่าเรือ และด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
ดร.อธิรัฐ กล่าวต่อไปว่า สำหรับท่าเรือแหลมฉบัง ถือเป็นหัวใจหลักในการส่งออกของประเทศไทย โดยจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการขนถ่ายตู้สินค้า ซึ่งจากเดิมได้จำนวน 11 ล้านทีอียู ให้เป็น 18 ล้านทีอียู ดังนั้นจึงต้องเร่งโครงการต่างๆ เช่น โครงการท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 โครงการเชื่อมระหว่างการขนส่งทางน้ำและทางรางรถไฟ โดยทั้ง 2 หน่วยงานต้องบูรณาการร่วมกัน เพราะปัจจุบันการขนส่งสินค้าทางรถไฟ มีเพียง 7 % เท่านั้น โดยทำอย่างไรจะให้เพิ่มขึ้นเป็น 30% เพื่อช่วยประหยัดระยะเวลาและต้นทุนของเชื้อเพลิงในการขนส่ง
พร้อมกันนั้นจะต้องยกระดับให้เป็นสมาร์ทพอร์ต โดยเฉพาะเฟส 3 ต้องเป็นสมาร์ทพอร์ตเกือบหมด ส่วนเฟส 2 กำลังดำเนินการที่บริเวณ โซน D1 เพื่อให้เป็นสมาร์ทพอร์ต เช่นกัน ส่วนเฟส 1 ที่ดำเนินการไปแล้ว ขณะนี้ได้มีการพูดคุยกับผู้ประกอบการว่าในอนาคตควรจะต้องยกระดับปรับเปลี่ยนให้เป็นสมาร์ทพอร์ต ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการเจรจา
ดร.อธิรัฐ กล่าวถึง ผู้ที่สนใจเข้ามาลงทุนท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 นั้น ขณะนี้มี 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ประกอบด้วยบริษัทพีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (กลุ่ม ปตท.) บริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และ China Harbour Engineering Commpany Limited (จีน) และ
2.กลุ่มกิจการร่วมค้า NPC ประกอบด้วย บริษัทแอสโซซิเอท อินฟินิตี้ จำกัด, บริษัท นทลิน จำกัด, บริษัทพริมา มารีน จำกัด (มหาชน), บริษัท พีเอชเอส ออแกนิค ฮิลลิ่ง จำกัด และ China Railway Construction Corporation Limited (จีน) แต่ขณะนี้กลุ่ม NPC ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง แต่ยังไม่ทราบว่าศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองหรือยังแต่อยู่ระหว่างรอคำตอบ แต่ถ้าศาลไม่ได้สั่งคุ้มครอง ทางกลุ่ม GPC ก็สามารถเจรจาดำเนินการต่อคณะกรรมการฯ คาดว่าภายเดือนหน้าถ้าไม่ติดปัญหาอะไรก็เดินหน้าได้ในทันที
สำหรับท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ถ้าเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ก็สามารถรองรับตู้สินค้าเพิ่มขึ้นได้ 7 ล้านทีอียู จากปัจจุบันที่ตั้งไว้ที่ เฟส1และ เฟส 2 เพียง 11 ล้านทีอียู จะเพิ่มประสิทธิภาพเป็น 18 ล้านทีอียู รองรับตู้สินค้าได้เต็มที่ เพราะขณะนี้พื้นที่เริ่มเต็มแล้ว
ภาพ/ข่าว สมชาย แก้วนุ่ม ทีมข่าวภูมิภาค จ.ชลบุรี
นาย พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก