พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ภายใต้แผนยุทธการ “พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี” ระหว่างวันที่ 1 – 5 ก.พ.66 (5 วัน) เน้นเป้าหมายความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน และการจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย
วันนี้ (วันอังคาร ที่ 7 ก.พ. 66) เวลา 13.30 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.วรายุทธ สุขวัฒน์ รอง ผบช.ภ.7
พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รอง ผบช.ภ.7, นายยุทธนา สวนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม, พล.ต.ต.กำธร อุ่ยเจริญ ผบก.ศพฐ.7, พ.อ.มหินท์ ตุงคะเศรณี ผู้แทนกอ.รมน. จว. นครปฐม ผบก., รอง ผบก., ผกก. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ภายใต้แผนยุทธการ “พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี” ระหว่างวันที่ 1 – 5 ก.พ.66 (5 วัน) เน้นเป้าหมายความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน และการจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย
มีผลการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ดังนี้
- ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุนปืน
จับกุม 582 ราย ผู้ต้องหา 578 คน - จำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย (On Ground)
จับกุม 2 ราย ผู้ต้องหา 2 คน - จำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ผ่านระบบออนไลน์และโซเซียลโดยผิดกฎหมาย (Online)
จับกุม 4 ราย ผู้ต้องหา 4 คน พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้
- อาวุธปืน รวม 442 กระบอก แบ่งเป็น
- อาวุธปืนสงคราม จำนวน 1 กระบอก
- อาวุธปืน มีทะเบียน จำนวน 111 กระบอก
- อาวุธปืน ไม่มีทะเบียน จำนวน 330 กระบอก
- วัตถุระเบิด (ปิงปอง) จำนวน 360 ลูก
- เครื่องกระสุนปืน จำนวน 1,889 นัด
จากนั้นได้แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายนักค้ายาเสพติด “โก๊ะ เมืองกาญจน์” จำนวน 1 คดี จับกุมผู้ต้องหา 7 ราย ได้แก่
- น.ส.หฤทัยชลหรืออ้อย เหมือนรอด อายุ 47 ปี
- นายนิพนธ์หรืออ๊อด สัมพันธ์สกุล อายุ 32 ปี
- น.ส.รุ่งทิวาหรือรุ่ง หล่อเพชร อายุ 37 ปี
- น.ส.อัญชลีหรือบุ๋ม ขุนทอง อายุ 32 ปี
- นายวิเชียรหรือตั้ม พิมศร อายุ 41 ปี
- นายพัฒน์หรือแชมป์ สมบูรณ์ อายุ 35 ปี
- นายตะวันหรือโรจน์ นาคะ อายุ 36 ปี
พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้
- ยาบ้า จำนวนรวม 528,000 เม็ด
- ยาไอซ์ น้ำหนักรวม 40.8 กิโลกรัม
- อาวุธปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ไม่มีหมายเลขทะเบียน
- อาวุธปืนแบบอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ไม่มีหมายเลขทะเบียน จำนวน 1 กระบอก
โดยแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งหมดกระทำผิดฐาน “จำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ไอซ์) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าโดยมีอาวุธปืน ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน โดยผิดกฎหมาย, มีอาวุธปืนซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ใด้ และ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย”
สถานที่จับกุม ถนนแสงชูโต ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ต่อเนื่อง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ต่อเนื่อง อู่ทำสีรถยนต์ ซอยตลาดเทศบาลเมืองสามพราน อ.สามพราน และต่อเนื่อง บ้านเลขที่ 44/128 หมู่ที่ 8 ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม
พฤติการณ์ในคดี ชุดจับกุมสืบสวนทราบว่ามีกลุ่มเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ทางด้าน อ.สังขละบุรี โดยหนึ่งในขบวนการกลุ่มเครือข่ายนายโก๊ะ มีนายวิเชียรหรือตั้มฯและ น.ส.หฤทัยชลหรืออ้อย ฯ เป็นผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยทราบว่า นายโก๊ะ สั่งการให้ น.ส.หฤทัยชลฯกับพวก ขับขี่รถยนต์(ของกลาง)มุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำยาเสพติดซุกซ่อนภายในรถยนต์คันดังกล่าว โดยมีการทำช่องลับซุกซ่อนยาเสพติด
เมื่อไปถึงพบนายวิเชียรหรือตั้มฯ นายพัฒน์หรือแชมป์ฯ และนายตะวันหรือโรจน์ฯอยู่ภายในอู่ จึงตรงเข้าไปแสดงตัวและขอตรวจค้น จากการตรวจค้นตัวนายตะวันฯพบอาวุธปืนขนาด .38 อยู่บริเวณเอวด้านขวา พบยาเสพติด (ยาไอซ์) 10 กก. บรรจุถุงพลาสติกสีน้ำตาล วางอยู่บริเวณจุดที่บุคคลทั้งสามนั่งอยู่ สอบถามนายวิเชียรฯรับว่า นัดหมายกับนางสาวอัญชลีฯ นำยาบ้ามาส่งมอบให้ทราบว่ามีปริมาณ 250 มัด ( 500,000 เม็ด )
เมื่อไปถึงพบนายวิเชียรหรือตั้มฯ นายพัฒน์หรือแชมป์ฯ และนายตะวันหรือโรจน์ฯอยู่ภายในอู่ จึงตรงเข้าไปแสดงตัวและขอตรวจค้น จากการตรวจค้นตัวนายตะวันฯพบอาวุธปืนขนาด .38 อยู่บริเวณเอวด้านขวา พบยาเสพติด (ยาไอซ์) 10 กก. บรรจุถุงพลาสติกสีน้ำตาล วางอยู่บริเวณจุดที่บุคคลทั้งสามนั่งอยู่ สอบถามนายวิเชียรฯรับว่า นัดหมายกับนางสาวอัญชลีฯ นำยาบ้ามาส่งมอบให้ทราบว่ามีปริมาณ 250 มัด ( 500,000 เม็ด )
ตรวจค้นภายในรถยนต์ซึ่งจอดอยู่บริเวณอู่ พบ ยาเสพติด ( ยาไอซ์ ) อีกจำนวน 29 กก. ภายในรถยนต์เก๋งยี่ ห้อแคมรี่ สีขาว นำตัวนายวิเชียรฯไปตรวจค้นบ้านพัก พบยาเสพติด ไอซ์ 1 กก. ยาบ้า 19 มัด ( 38,000 เม็ด ) จึงตรวจยึดไว้และจับกุมตัว พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ไว้เป็นของกลาง นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวนขยายผลถึงเครือข่าย, ดำเนินการตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด ฯ และนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในการนี้สามารถตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวม 10 รายการ มูลค่ากว่า 3,502,000 บาท การปฏิบัติการในครั้งนี้ตำรวจภูธรภาค 7 ขอขอบพระคุณทุกภาคส่วน และพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตำรวจภูธรภาค 7 จะมุ่งมั่นทำงานตามวิสัยทัศน์ของ ผบช.ภ.7 ที่ว่า “ทำงานเชิงรุก เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกของประชาชน” โดยจะทำการปราบปรามอาชญากรรมในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา และมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อให้นโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บรรลุวัตถุประสงค์สูงสุด
ณ หน้าอาคารที่ทำการ ตำรวจภูธรภาค 7 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม