ผบ.ตร. ส่งสืบนครบาลผนึก PCT จับกุม 3 วายร้ายคอลเซ็นเตอร์ สาย 1 หลอกลวงแพทย์เสียหาย 101 ล้านบาท
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ส่งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรม ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ PCTชุดปฏิบัติการที่ 5 และทีมสืบสวนนครบาลแกะรอยสืบสวนทำสงครามกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รูปแบบ ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสั่งการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์สร้างความเดือนร้อนให้ประชาชนอย่างเด็ดขาด โดยล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดปฏิบัติการที่ 5 สืบสวนไล่ล่าทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านจนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2565 PCT ชุดปฏิบัติการที่ 5 สามารถจับกุมพนักงานคอลเซ็นเตอร์ดีเด่น สาย 3 ปลอมเป็น ผู้กำกับ สภ.เมือง เชียงราย และยังติดตามผู้รวมขบวนการทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่างรอง ผบก.สส. บช.น. พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. และ พ.ต.ต.วรุฒ คำหล้า สว.กก.3 บก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ทำการจับกุมตัว
- น.ส.ขวัญนรินทร์ หรือนิว สายบุตร อายุ 23 ปี ที่อยู่ 78 ม.7 ต.โคกสาร อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ ผู้ต้องหาที่ 1 ทำหน้าที่ สาย 1 คอลเซ็นเตอร์
- น.ส.นวลอนงค์ จากจะโป๊ะ อายุ 21 ปี ที่อยู่ 35/3 ม.4 ต.มะค่า อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาที่ 2 ทำหน้าที่สาย 1 และหลังบ้าน คอลเซ็นเตอร์
- น.ส.สุทธิดา อายุวรรณะ อายุ 23 ปี ที่อยู่ 187 หมู่ 10 ต.พังตรุ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาที่ 3 ทำหน้าที่ สาย 1
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ร่วมกันเป็นซ่องโจร,ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดนหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”
พฤติการณ์ในการกระทำความผิดคือ ขณะเกิดเหตุ เมื่อช่วงประมาณเดือนเมษายน ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ.2565 น.ส.ขวัญนรินทร์ฯ และ น.ส.สุทธิดาฯ ได้เข้าทำงานเป็นพนักงานกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ เป็นพนักงานสาย 1 ทำหน้าที่หลอกผู้เสียหายอ้างเป็นพนักงาน Fed-X อ้างว่ามีพัสดุตกค้าง ซึ่งได้ทำงานอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้รับค่าตอบแทนเบื้องต้นเดือนละ 20,000 บาท และได้รับเงินเพิ่มเติม จำนวนร้อยละ 5 จากยอดเงินที่สามารถหลอกลวงผู้เสียหายในประเทศไทยได้ รวมยอดเงินที่ น.ส.ขวัญนรินทร์ฯ และ น.ส.สุทธิดาฯ ได้รับจากการทำงานในกลุ่มแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว ประมาณหลายแสนบาท ส่วน น.ส.นวลอนงค์ หรือหนูแดง จากจะโป๊ะ เคยทำหน้าที่ดูแลหลังบ้านคอลเซ็นเตอร์ในที่เดียวกัน เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2565 ถึงเดือนกันยายน 2565 ทำหน้าที่หาพนักงานมาทำงานเพิ่มเติม ได้รับค่าตอบแทนเป็นจำนวนหลักแสนบาท ซึ่งกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวเคยหลอกลวงผู้เสียหายมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ได้แก่ เคยหลอกลวงครูเกษียณอายุราชการ ได้เงิน 11 ล้านบาท, หลอกนักลงทุนหุ้น ได้เงิน 41 ล้านบาท และหลอกแพทย์ในจังหวัดชุมพร ได้เงิน 101 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่บริเวณตลาดนัดเพชรเกษม 77 ถ.เพชรเกษม แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร
ผู้ต้องหาทั้งสามคนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นจับกุม โดยน.ส.สุทธิดา อายุวรรณะ และ น.ส.ขวัญนรินทร์ สายบุตร มาประกอบอาชีพค้าขายส้มตำและอาหารอีสาน ที่ซอยเพชรเกษม 77 ถ.เพชรเกษม แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ ส่วนน.ส.นวลอนงค์ หรือหนูแดง จากจะโป๊ะ มาประกอบอาชีพขายข้าวแกง ที่ตลาดนัดเพชรเกษม 77 ถ.เพชรเกษม น.ส.สุทธิดา อายุวรรณะ ให้การว่า เมื่อช่วงประมาณเดือนเมษายน ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ.2565 ตนได้เข้าทำงานเป็นพนักงานกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ เป็นพนักงานสาย 1 ทำหน้าที่หลอกผู้เสียหายอ้างเป็นพนักงาน Fed-X อ้างว่ามีพัสดุตกค้าง ซึ่งได้ทำงานอยู่ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยได้รับค่าตอบแทนเบื้องต้นเดือนละ 20,000-30,000 บาท และได้รับเงินเพิ่มเติม จำนวนร้อยละ 5 จากยอดเงินที่สามารถหลอกลวงผู้เสียหายในประเทศไทย น.ส.สุทธิดาฯ ได้ติดต่อคุยกับผู้เสียหายเป็นจำนวนหลายคน หลอกลวงได้มาก โดยได้รับเงินรางวัลตอบแทนจำนวนหลายแสนบาท ต่อมาเมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2565 จึงได้หลบหนีกลับมาประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติมาประกอบอาชีพขาย น.ส.ขวัญนรินทร์ สายบุญ ให้การว่า เมื่อช่วงประมาณเดือนเมษายน ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ.2565 ตนได้เข้าทำงานเป็นพนักงานกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ โดยเดินทางร่วมกับ น.ส.สุทธิดา อายุวรรณะ แฟนของตน โดยเป็นพนักงานสาย 1 ทำหน้าที่หลอกผู้เสียหายอ้างเป็นพนักงาน Fed-X อ้างว่ามีพัสดุตกค้างเช่นเดียวกัน โดยได้รับค่าตอบแทนเบื้องต้นเดือนละ 20,000-30,000 บาท และได้รับเงินเพิ่มเติม จำนวนร้อยละ 5 จากยอดเงินที่สามารถหลอกลวงผู้เสียหายในประเทศไทย น.ส.ขวัญนรินทร์ฯ ได้ติดต่อคุยกับผู้เสียหายเป็นจำนวนหลายคน หลอกลวงได้มาก โดยได้รับเงินรางวัลตอบแทนจำนวนหลายแสนบาท ต่อมาเมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2565 จึงได้หลบหนีกลับมาประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ ร่วมกับน.ส.สุทธิดาฯ มาประกอบอาชีพขายส้มตำและอาหารอีสานร่วมกันที่ซอยเพชรเกษม 77 และน.ส.นวลอนงค์ หรือหนูแดง จากจะโป๊ะ ให้การว่า เมื่อเดือนเมษายน 2565 ตนได้เดินทางไปกับแฟนหนุ่มข้ามชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อที่จะไปทำงาน โดยมีเพื่อนของเพื่อนชวนไปทำงาน ต่อมา ทราบว่าเป็นงานเกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์ซึ่งตนต้องท่องจำบทและทำการซ้อมในการคุยกับคนไทยทางสายโทรศัพท์ อ้างว่าเป็นพนักงาน Fed-Ex แต่ตนไม่ถนัด และเนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน จึงได้ผันตัวเป็นพนักงานหลังบ้านของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คอยหาคนไทยมาทำงาน โดยได้รับเงินเดือนเดือนละประมาณ 25,000-30,000 งาน ตนทำงานได้เพียง 2 เดือน จึงกลับมาที่ประเทศไทยโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับหัวหน้าในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงสามารถออกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ และได้หลบหนีกลับมาประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ มาประกอบอาชีพขายข้าวแกงที่ตลาดนัดเพชรเกษม 77 ถ.เพชรเกษม
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล / หัวหน้า ชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 5 เปิดเผยว่า นโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้จัดชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนติดตามแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ทั้งประสานงานประเทศเพื่อนบ้าน และติดตามในประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีและยึดทรัพย์สินที่ได้มา เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทยเป็นจำนวนมาก และยังก่อเหตุต่อเนื่อง จึงฝากเตือนว่าเราจะติดตามจับกุมไม่ให้ท่านได้กลับมาใช้เงินอย่างสุขสบายอย่างแน่นอน