“นายก” ห่วงใยชาวนาพิจิตร 470 ครอบครัว เร่งช่วยเหลือเยียวยาเงินค่าจำนำข้าวเปลือก ปี 2548/2549
“จากกรณีเกษตรกรจังหวัดพิจิตร จำนวน 470 ครอบครัว ที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาเงินค่าจำนำข้าวเปลือก จำนวนเงินกว่า 58 ล้านบาท จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเพื่อเกษตรกรปีการผลิต พ.ศ.2548/2549 นั้น”
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุม 2503 ตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธ์ สารีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ ได้มอบให้ พล.ต.เจียรนัย วงศ์สอาด ประธานคณะอนุกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ เป็นประธานการประชุมฯ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ รอง ผอ.องค์การคลังสินค้า (อคส.) นายยุทธนา สาโยชนกร รอง ผอ.สำนักงบประมาณ นายวิชิต จรัสสุขสวัสดิ์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นายไชยยา สมถวิล ปลัดจังหวัดพิจิตร รวมทั้ง ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ นายสุรชาติ ศรีบุศกร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิจิตร เขต 3 เป็นผู้ประสานและร่วมผลักดันการเยียวยาค่าจำนำข้าวเปลือกให้เกษตรกรจังหวัดพิจิตร ได้นำ นายมุนินทร์ จันทรา และตัวแทนเกษตรกรชาวนาจังหวัดพิจิตร เข้าร่วมประชุมหารือแนวทางเยียวยาแก้ไขปัญหาเกษตรกรจังหวัดพิจิตร จำนวน 470 ครอบครัว ที่ยังไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าวเปลือกจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเพื่อเกษตรกรปีการผลิต พ.ศ.2548/ 2549
สำหรับกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากที่ นายมุนินทร์ จันทรา ได้พาชาวนา 470 ครอบครัว ยื่นหลักฐานชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งไปลงพื้นที่ในจังหวัดพิจิตร เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ที่ยังไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าวเปลือกจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเพื่อเกษตรกรปีการผลิต พ.ศ.2548/2549 ในสมัยรัฐบาล นายทักษิน ชินวัตร หลังนายกรัฐมนตรีได้ทราบเรื่องดังกล่าวจึงได้สั่งการให้ นายพีระพันธ์ สารีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้รับเรื่องนี้ พบว่าชาวนาได้รับความเดือดร้อนจริง จึงประสานได้ประสานให้ตัวแทนกลุ่มชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อนพบกับ นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผอ.สำนักงบประมาณ เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2566 ที่ผ่านมา เพื่อหารือแนวทางดำเนินการแก้ไขในเรื่องนี้
ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ กล่าวว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม เกษตรกรชาวจังหวัดพิจิตร และนครสวรรค์ที่ผ่านมา ซึ่งมีชาวนาจังหวัดพิจิตรไม่ได้รับเงินตอบแทนกรณีจำนำข้าว จนปัจจุบันนี้ 10 กว่าปีแล้ว ซึ่งทางรัฐบาลมีงบประมาณ โดยชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงได้ให้ความช่วยเหลือ และได้มีการนำเรื่องมาร้องเรียนนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 ระหว่างตรวจราชการในพื้นที่ หลังนายกรัฐมนตรีได้ทราบเรื่องจึงได้สั่งการให้นายพีระพันธ์ สารีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้รับเรื่องนี้ พบว่าชาวนาได้รับความเดือดร้อนจริง จึงประสานได้ประสานให้ตัวแทนกลุ่มชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อน เข้าร่วมประชุมในวันนี้เพื่อหารือแนวทางดำเนินการแก้ไข
ซึ่งในที่ประชุม พล.ต.เจียรนัย วงศ์สอาด ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ ประธานที่ประชุมฯ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงบประมาณ องค์การคลังสินค้า (อคส.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และทางจังหวัดพิจิตร พร้อมให้นำเรื่องเข้าคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (กขช.)โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาค่าจำนำข้าวเปลือกจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเพื่อเกษตรกรปีการผลิต พ.ศ. 2548/2549 เพื่อความเป็นธรรมให้เกษตรกรชาวนาต่อไป
ด้านนายมุนินทร์ จันทรา ตัวแทนชาวนาที่เดือดร้อน 470 ครอบครัว จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า หลังจากประชุมแล้วก็พอใจระดับหนึ่ง ต้องขอขอบคุณที่ฝ่ายฯพณฯนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมี พล.ต.ดร.เจียรนัย วงศ์สอาด ประธานที่ประชุมฯ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ส.ส.สุรชาติ ศรีบุศกร รวมทั้งคณะกรรมการที่มีส่วนเกี่ยวข้องในที่ประชุมซึ่งทุกท่านมีความจริงใจต่อเกษตรกรชาวนาที่เดือดร้อนทั้งหมด โดยไม่สนใจว่าเป็นโครงการฯข้าวของสมัยรัฐบาลทักษินที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองก็ตาม ได้เห็นถึงความถูกต้องและสาระสำคัญในข้อกฏหมายทั้งศาลชั้นต้นจังหวัดพิจิตรและศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาว่าการรับจำนำข้าวเปลือกชาวนาที่เสียหายกว่า 58 ล้านบาทนี้ เป็นสัญญาผูกพันกับฝ่ายรัฐบาลคือ อคส.จะต้องชำระค่าจำนำข้าวชาวนาที่เสียหาย ไม่ใช่หน้าที่ฝ่ายโรงสีก้องเกียรติฯส่วนเรื่องข้อพิพาทระหว่างโรงสีก้องเกียรติกับ อคส.หรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องไม่ว่าใครผิดหรือถูกใครทุจริตก็ตาม ก็ให้ไปฟ้องร้องกันอีกเรื่องหนึ่ง จึงทำให้ตัวแทนชาวนาทั้งหมดพอใจ โดยมีความเชื่อมั่นว่าจะได้รับเงินค่าจำนำข้าวจากฝ่ายรัฐบาลเร็วๆนี้ และได้ประสานทางโทรศัพท์ให้ชาวนา กว่าหกร้อยครอบครัวใน 7 อำเภอ ในจังหวัดพิจิตรและอีก 1อำเภอในจังหวัดนครสวรรค์รับทราบความคืบหน้ามติที่ประชุมดังกล่าวแล้ว นายมุนินทร์ กล่าวทิ้งท้าย