เกษตร จ.นครพนม ส่งเสริมปลูก “ขนุนทองประเสริฐ” พันธุ์ยอดนิยมส่งออกจีน พร้อมแนะเกษตรกรใช้ไบโอชาร์ ลดต้นทุน ผลผลิตคุณภาพและปลอดภัย
วันนี้ (26 เม.ย.66) ที่ห้องประชุมศูนย์สารสนเทศยางพารานครพนม สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม ตำบลหนองแสง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม จัดอบรมถ่ายทอดความรู้เกษตรกร ในกิจกรรมส่งเสริมการปลูกขนุนเพื่อการค้า ภายใต้โครงการส่งเสริมการผลิตพืชทางเลือก เพื่อถ่ายทอดความรู้ในการปลูกขนุนเพื่อการค้า ซึ่งนับว่าเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่สำคัญที่จะช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่มากยิ่งขึ้น โดยมีการจัดอบรมเกษตรกร จำนวน 3 รุ่น ทั้ง 12 อำเภอ รวม จำนวน 120 ราย
นางสาวกัญณฐา อภินนท์ธนา เกษตรจังหวัดนครพนม กล่าวว่า จังหวัดนครพนม ได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญทางเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนม โดยเฉพาะขนุน “สายพันธุ์ทองประเสริฐ” ซึ่งนับว่าเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่มาแรงในขณะนี้และมีความต้องการของผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ที่ปัจจุบันผู้บริโภคชาวจีนนิยมรับประทานไม่แพ้ “ทุเรียน” เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนมีความเชื่อว่ากินเนื้อสีทองของขนุนเป็นมงคล กินแล้วการค้าจะได้ผลดีมีผลตอบแทนเป็นทอง จึงนิยมนำมาเป็นเครื่องเซ่นไหว้เทพเจ้า ขนุนจึงเป็นที่ต้องการของตลาดจีนไม่แพ้ทุเรียน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีน ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 45 – 50 บาท โดยปกติขนุน 1 ไร่ ปลูกได้ประมาณ 35 – 40 ต้น เมื่อปลูกครบ 3 ปี หากต้นสมบูรณ์จะเริ่มเห็นดอก 3 เดือนต่อมาเริ่มได้ลูกอ่อนขนาดที่ล้งต้องการ ให้เลือกไว้ลูกที่ทรงกลมสวยสมบูรณ์แค่ต้นละ 2-5 ลูกเท่านั้น เพราะต้นอายุ 3 ปี ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ เมื่อตัดลูกเสร็จแล้วให้ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 เพื่อบำรุงต้นให้สมบูรณ์ทุกครั้ง จนกว่าจะตัดครั้งใหม่ เมื่อต้นมีอายุมากขึ้นสามารถเก็บลูกไว้เพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่อย่าให้เกินต้นละ 20 ลูก
สำหรับขนุนทองประเสริฐ มีลักษณะโดดเด่น คือ ผลค่อนข้างกลม ใหญ่ หนัก 10 – 15 กก. เปลือกสีเขียวเข้มไม่หนามาก เนื้อรวงสีเหลืองทอง สวยงาม ยวงหนา รสชาติหวานกลม กล่อม ตัดจากต้นแล้วสามารถเก็บไว้ได้นานหลายสัปดาห์ จึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคทั่วไป ทำให้ขนุนมีราคาที่ดีมาโดยตลอด ยิ่งตอนนี้ตลาดจีนสั่งซื้อสินค้าจากไทยไม่อั้น จึงกลายเป็นโอกาสทองของเกษตรกรชาวสวนขนุนและเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่ให้ผลตอบแทนและสร้างรายได้ให้กับเกษตรเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง ด้วยการผลิตถ่านชีวภาพ หรือไบโอชาร์ (Biochar) เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับไบโอชาร์ (biochar) เป็นถ่านชีวภาพที่ผลิตจากชีวมวล เช่น วัสดุทางการเกษตรต่างๆ มีคุณสมบัติแตกต่างจากถ่านทั่วไปที่เน้นใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงบำรุงดินเป็นหลัก เนื่องจากมีรูพรุนสูง ช่วยในการปรับสภาพของดิน ทั้งการอุ้มน้ำ การระบายอากาศ ช่วยในการดูดธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช ลดความเป็นกรดด่างของดิน และที่สำคัญคือเป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อพืชในดินที่สำคัญช่วยดูดซับธาตุอาหารที่มีประจุบวกทำให้มีธาตุอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ปลดปล่อยธาตุอาหารให้กับพืชอย่างช้า ๆทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการผลิตไบโอชาร์ เป็นการผลิตที่ใช้กระบวนการ Pyrolysis ซึ่งมีหลักการที่สำคัญคือผ่านความร้อนโดยไม่ใช้ออกซิเจน โดยใช้อุณหภูมิประมาณ 500 – 700 องศาเซลเซียส ผลผลิตที่ได้จะมีลักษณะคล้ายกับถ่านทั่วไป แต่จะมีน้ำหนักที่เบา มีความเป็นมันเงาและคงสภาพของวัสดุที่เผาได้มากกว่า นำมาใช้โดยบดให้เป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนนำไปใช้ประโยชน์
สำหรับการใช้ประโยชน์จากถ่านชีวภาพสามารถใช้ลดต้นทุนในการผลิตทางการเกษตร ได้แก่ การทำให้ถ่านชีวภาพมีขนาดเล็กที่สุดและคลุกเคล้าผสมกับดิน การผสมถ่านชีวภาพกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกในอัตราส่วนร้อยละ 50 โดยคลุกผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน และการนำถ่านชีวภาพผสมกับปุ๋ยหมักไปโรยลงบนดินในขั้นตอนการเตรียมดินก่อนปลูกพืช นอกจากคุณสมบัติในการปรับปรุงบำรุงดินแล้วยังทำให้พืชแข็งแรงและเจริญเติบโตได้ดีมากยิ่งขึ้น การจัดอบรมถ่ายทอดความรู้ในครั้งนี้ ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนมยังได้มอบปัจจัยการผลิต คือ ต้นพันธุ์ขนุนทองประเสริฐ จำนวนคนละ 20 ต้น ซึ่งเกษตรกรสามารถนำต้นพันธุ์ไปปลูกได้ในพื้นที่ 1 ไร่ ซึ่งจะเป็นแปลงต้นแบบให้กับเกษตรกรในพื้นที่ และสามารถยกระดับการผลิตสู่การค้าได้อย่างยั่งยืน ยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องเกษตรกรชาวนครพนมให้ดีขึ้น
เทพข่าวร้อน รายงาน