ข่าวใหม่อัพเดท » นายกรัฐมนตรี – ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ครั้งที่ 3/2562 ร่วมกับรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรี – ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ครั้งที่ 3/2562 ร่วมกับรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้อง

21 กันยายน 2019
0

         เมื่อวันที่ (20 ก.ย.62) เวลา 10.30 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ครั้งที่ 3/2562 ร่วมกับรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้อง

         โดยภายหลังการประชุม นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กรรมการและเลขานุการ ครม.เศรษฐกิจ แถลงผลการประชุม ครม.เศรษฐกิจ สรุปสาระสำคัญ ว่าที่ประชุมได้หารือเรื่องสืบเนื่องจากการประชุม ครม. เศรษฐกิจ ครั้งที่ผ่านมา ที่นายกรัฐมนตรีขอดูรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องมาตรการส่งเสริมการลงทุน และรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติในลักษณะ Flow Shart ให้ชัดเจน และให้เห็นถึงความสืบเนื่องของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกันจากนั้น ในวาระเพื่อพิจารณา การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ได้ร่วมกันนำเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ในส่วนที่เป็นภาคตะวันตกของสายสีส้ม เริ่มตั้งแต่บางขุนนนท์ถึงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วงเงิน 122,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นโครงการที่มีวงเงินลงทุนจำนวนมาก นายกรัฐมนตรีต้องการให้มีการหารือในรายละเอียดของโครงการโดยละเอียดระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ก่อนที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันอย่างที่มีความชัดเจนขึ้นมาก โดยรายละเอียดที่มีความกังวลใจในบางเรื่องก็ได้รับการดูแลอย่างเรียบร้อย รวมทั้งมีการหารือใกล้ชิดกับสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้มีการหารือเพิ่มเติมอีกครั้งประมาณสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นจึงจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีส้มถือว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและความสะดวกสบายของประชาชนมาก คาดว่าในช่วงแรกที่เปิดบริการ จะมีจำนวนผู้โดยสารจากฝั่งภาคตะวันออกของสายสีส้มประมาณ 121,000 คนต่อวัน และในช่วงที่ก่อสร้างสายตะวันตกเชื่อมกับสายตะวันออกเสร็จสิ้นในปี 2569 คาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารประมาณ 500,000 คนต่อวันกรรมการและเลขานุการ ครม.เศรษฐกิจ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ยังได้หารือเรื่องความคืบหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ของกระทรวงคมนาคม ใน 4 ประเภทรวม 44 โครงการ วงเงินรวม 1,947,310 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินงบประมาณแผ่นดิน 259,791 ล้านบาท เงินกู้ 1,201,056 ล้านบาท PPP 338,810 ล้านบาท และเป็นรายได้/กองทุน 147,654 ล้านบาท ประกอบไปด้วย 1) โครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 17 โครงการ วงเงิน 782,329 ล้านบาท 2) โครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมดำเนินการ 12 โครงการ วงเงิน 412,739 ล้านบาท 3) โครงการที่คณะกรรมการ PPP เห็นชอบแล้ว และ สคร. เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี 2 โครงการ วงเงิน 201,073 ล้านบาท และ 4) โครงการที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีในระยะต่อไป 13 โครงการ วงเงิน 551,170 ล้านบาท

“ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่าเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงเรื่อย ๆ เศรษฐกิจไทยก็ได้รับผลกระทบ ล่าสุดตัวเลขการส่งออกก็ได้รับผลกระทบอีก 1 เดือน ครม.เศรษฐกิจมองว่า หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้จ่ายและเรื่องของการลงทุน ซึ่งในเรื่องการลงทุน หากเร่งรัดได้โดยเฉพาะการลงทุนของกระ ทรวงคมนาคม ก็จะนำไปสู่การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ การใช้จ่ายลงทุนต่าง ๆ รวมไปถึงเรื่องการสร้างงาน การใช้วัตถุดิบต่าง ๆ ครม.เศรษฐกิจวันนี้จึงได้หารือร่วมกันถึงเรื่องที่เป็นอุปสรรคที่จะต้องมีการปลดล็อก เรื่องที่ดำเนินการได้ตามแผนที่ไม่มีอะไรต้องกังวลใจ รวมถึงเรื่องที่ล่าช้าด้วย” นายกอบศักดิ์กล่าว

         กรรมการและเลขานุการ ครม.เศรษฐกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า บางโครงการที่พบว่าติดขัด ติดอุปสรรค เช่น กรณีของโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี มีปัญหาเรื่องค่ากรรมสิทธิ์ต่าง ๆ ที่ต้องของบประมาณเพิ่มเติม หรือด่านที่ทำเรื่องการขนส่งสินค้าที่เชียงของ ที่จะมีเรื่องค่าตอบแทน สปก. เป็นต้น รวมถึงบางโครงการที่เคยคุยกันมานานแล้ว เช่น โครงการ Roadside station ที่เชื่อมกับนครปฐม-ชะอำ ยังติดอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งทั้งหมดนี้ ครม.เศรษฐกิจรับทราบ และได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและคณะกรรมการติดตามขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ของ ครม.เศษฐกิจ ไปร่วมกันประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อปลดล็อกให้อุปสรรคเหล่านั้นคลี่คลาย เพื่อให้ประ เทศไทยมีโครงการต่าง ๆ ที่จะไปช่วยขับเคลื่อนหมุนเวียนเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ หลายโครงการดำเนินการเสร็จแล้วพร้อมจะเดินหน้า แต่ติดอยู่ตรงนั้นตรงนี้ ทำให้เม็ดเงินจำนวนมากไม่สามารถลงไปสู่การขับเคลื่อนได้

          สำหรับการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ครั้งต่อไป กำหนดประชุมวันที่ 4 หรือ 7 ตุลาคม 2562 หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจากเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 74 ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่ง ครม.เศรษฐกิจจะได้หารือเรื่องการส่งออก และการท่องเที่ยว จากนั้น ลำดับต่อไปจะได้หารือในเรื่อง SMEs และการใช้งบประมาณท้องถิ่นเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันยังติดอุปสรรคเรื่องกฎเกณฑ์ต่าง ๆ

         นอกจากนี้ กรรมการและเลขานุการ ครม.เศรษฐกิจ กล่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เรื่องที่เข้าสู่ที่ประชุม ครม. เศรษฐกิจ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. เรื่องที่เป็นนโยบายเชิงรุก ที่จะทำในเชิงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า เช่น ที่ได้มีการนำเรื่องนโยบาย 7 ด้านที่จะมีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน ของกระทรวงต่างๆ เข้าสู่การพิจารณาของครม. เศรษฐกิจ ในการประชุมครั้งแรก รวมถึงการกำหนดเป้าหมายที่ฝ่ายเลขานุการ ครม.เศรษฐกิจเป็นผู้ริเริ่ม  2. การมอบหมายงานหลังจากนั้น โดยจากที่มีการประชุม 7 ด้านเสร็จ ก็มีการหา รือว่า นักลงทุนต่างประเทศที่จะเข้าสู่ประเทศไทยถือเป็นหัวใจสำคัญ เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในรอบ 20 ปี ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้เลขาธิการบีโอไอ นำข้อเสนอในครั้งที่ผ่านมาไปดำเนินการสั่งงานไปที่หน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งคณะกรรมการบีโอไอได้ดำเนินการเรียบร้อย และอนุมัติตามแนวทางที่ ครม.เศรษฐกิจ ได้หารือไว้  3. เรื่อง ที่ส่งจากกระทรวงต่าง ๆ เข้าสู่คณะรัฐมนตรีตามปกติ แต่นายกรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก หรือเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับหลาย ๆ กระทรวง อยากให้มีโอกาสหารือโดยละเอียดก่อน  จึงให้นำเข้าหารือช่วยกันระดมความคิดเห็นในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่หารือวันนี้ ก็จัดอยู่ในประเภทที่ 3

ขอบคุณข้อมูล : กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

error: Content is protected !!