ตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับ กสทช.-สรรพสามิต ปูพรมค้นห้างดังกลางกรุงยืดมือถือ และอุปกรณ์สื่อสารผิดกฎหมาย จำนวนมาก
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และกรมสรรพสามิต ร่วมกันตรวจค้นแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารและอุปกรณ์โทรคมนาคมผิดกฎหมาย ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ย่านปทุมวันเพื่อป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพนำไปใช้ก่อคดีออนไลน์ โดยสามารถตรวจยึดอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ไม่ได้รับอนุญาตนำเข้ามาในราชอาณาจักรจำนวนมาก
ตามที่ปัจจุบันได้มีการลักลอบนำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคมโดยผิดกฎหมาย และลักลอบจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยวิทยุคมนาคมที่กำหนดไว้ อีกทั้งยังเป็นช่องทางของงกลุ่มมิจฉาชีพนำไปใช้ก่อคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาและการขออนุญาตได้
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทค โนโลยี, พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ และพล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท.จึงได้สั่งการให้สืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง โดยประสานข้อมูลกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการของ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช.รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.และกรมสรรพสามิต ภายใต้การอำนวยการของ นายพยุง บุญสมสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบ ป้องกัน และปราบปราม
โดยในวันนี้ วันที่ 26 พฤษภาคม 2566 เวลา 12.00 น. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจ สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1, พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.4 บก.สอท.1 ร่วมกับ นายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม และ นายวิโรจน์รัตน์ แจ่มวรรณา ผู้ชี่ยวชาญเฉพาะด้านการตรวจสอบสรรพสามิต และฝ่ายป้องกันและปราบปราม 4 สำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม ได้ร่วมกันนำหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นบริเวณชั้น 4 ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านปทุมวัน ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์มือถือและอุปกรณ์โทรคมนาคมขนาดใหญ่ โดยพบว่ามีการนำสินค้าเครื่องวิทยุคมนาคมที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาในราชอาณาจักร และไม่ผ่านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐาน (Type Approval Test) เช่น โทรศัพท์มือถือ, เครื่องติดตาม (GPS Tracker),อุปกรณ์ปล่อยสัญญาณ Wifi, เครื่องดักฟัง, วิทยุสื่อสาร, โดรนถ่ายภาพ มาวางจำหน่ายจำนวนมาก
โดยผลการตรวจค้นได้ทำการจับกุมร้านค้าจำนวน 9 แห่ง และตรวจยึดเครื่องโทรคมนาคมผิดกฎหมายประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือ จำนวน 112 เครื่อง, นาฬิกาใส่ซิมการ์ด จำนวน 19 เครื่อง, เครื่องติดตาม (GPS Tracker) จำนวน 4 เครื่อง, เครื่องดักฟัง จำนวน 1เครื่อง, อุปกรณ์ปล่อยสัญญาณ Wifi จำนวน 8 เครื่อง, กล้องใส่ซิมการ์ด จำนวน 2 เครื่อง, วิทยุสื่อสาร จำนวน 3 เครื่อง, โดรนถ่ายภาพ จำนวน 6 เครื่อง, อุปกรณ์โทรคมนาคม จำนวน 2 รายการ รวมของกลาง จำนวน 157 รายการ มูลค่ากว่า 707,000 บาท
ทั้งนี้ร้านค้าดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมแต่อย่างใด เป็นการกระทำความผิดในข้อหา “มี และ ค้า ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ จึงได้ทำการจับกุมตัวผู้กระทำความผิดนำส่งพนักงานสอบสวนสน.ปทุมวัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ฯ ผบก.สอท.1 ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน “เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพมีการใช้อุปกรณ์โทรคมนาคม ตลอดจนชิมการ์ดโทรศัพท์ผิดกฎหมายเป็นช่องทางในการหลอกลวงประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจไชเบอร์ กสทช.และ กรมสรรพสามิต จะมีการออกตรวจตราและกวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ศึกษาและปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบในการใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมที่ทางราชการกำหนด”
ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชน มีปัญหาข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้วิทยุโทรคมนาคมสามารถสอบถามได้ที่ สำนักงาน กสทช. Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 1200 ขอบคุณที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน