ชาวบ้านและชาวสวนทุเรียนเจอภัยแล้งหนัก ส่งผลทุเรียนยืนต้นตายนับ 1,000 ต้น ชาวบ้านขาดน้ำอุปโภค-บริโภค วอนหน่วยงานช่วยเหลือ
วันที่ 29 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายณัฐพงษ์ พวงประเสริฐ์ อายุ 36 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ม.9 บ้านปางไม้ ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี พร้อมด้วย นายเพลิน ฤทธิ อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.1บ้านป่าเด้งเหนือ พร้อมด้วยชาวสวนทุเรียน และชาวบ้าน ในพื้นที่ ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ว่าได้รับความเดือดร้อนหนักเนื่องจากน้ำในแม่น้ำปราณบุรี และน้ำในลำห้วยโสก ในพื้นที่ ม.1บ้านป่าเด็งเหนือ ม.9 บ้านปางไม้ ม.8 บ้านเขาแหลม และพื้นที่ ม.10 บ้านป่าผาก ต.ป่างเด็ง อ.แก่งกระจาน รวม 4 หมู่บ้าน น้ำในลำห้วยแห้ง ชาวสวนไม่มีน้ำใช้ทำการเกษตร ทำการปศุสัตว์เลี้ยงโคนม วัว เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนักเป็นวงกว้าง ได้รับผลกระทบหนักต้นทุเรียนกว่า 1,000 ต้น ยืนต้นตาย ลูกทุเรียนไม่สมบูรณ์ตก หล่นเสียหาย ต้นเงาะใบไหม้กำลังจะยืนต้นตายได้รับความเสียหายหนัก พืชผลทางการเกษตรเริ่มแห้งเหี่ยวยืนต้นตาย เนื่องจากไม่มีน้ำทำการเกษตร อีกทั้งบ่อน้ำที่ชาวสวนขุดไว้กักเก็บน้ำใช้ได้แห้งลงอย่างหนัก ส่งผลให้ชาวสวนทุเรียนและชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือ
ด้านนายเดช ทับจิตย์ อายุ 65 ปี ชาวสวนทุเรียน ม.1บ้านป่าเด็งเหนือ เปิดเผยว่า ปีนี้ชาวบ้านประสบปัญหาภัยแล้งหนัก น้ำในแม่น้ำและลำห้วยแห้งทั้ง 2 ฝั่ง ไม่มีน้ำใช้ทำการเกษตร ผล ผลิตทุเรียนไม่เติบโตไม่สมบูรณ์ ยื่นต้นตายไปหลายสิบต้น จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งเข้ามาช่วยเหลือขุดสระน้ำให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำ
นางคำพอง โสวาธี อายุ 63 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ม.10 บ้านป่าผาก ที่ปลูกพืชสวน เล่าว่า ปัจจุบันสถานการณ์น้ำในแม่น้ำแห้งหมด ตั้งแต่ต้นน้ำปราณบุรีลงไปปลายน้ำ ปกติให้น้ำในลำห้วยต้นน้ำปราณบุรีใช้ทำการเกษตรอยู่ประจำ แต่ปัจจุบันน้ำแห้งขอดหมดแล้ว คงต้องค่อยฝนตกลงมาเพราะน้ำในลำห้วยไม่มีให้ใช้แล้ว ขนาดในถังยังไม่มีน้ำหุงข้าวกิน
นายณัฐพงษ์ พวงประเสริฐ์ อายุ 36 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ตอนนี้สถานการณ์น้ำในพื้นที่ ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน ฝนทิ้งช่วงมาหลายเดือนแล้วไม่มีตกลงมาเลย ชาวบ้านในพื้นที่มีการเพราะปลูกพืชเชิงเดี่ยว มาเป็นปลูกพืชผสมผสาน ทุเรียน เงาะ กล้วย ขนุน เป็นต้น และต้องใช้น้ำเป็นตัวหลักในการเพราะปลูก ขณะนี้สถานการณ์น้ำในพื้นที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนเกษตรกรบางรายที่มีกำลังทรัพย์ก็ขุดลอกลำห้วยเพื่อเอาน้ำไปใช้ในที่ของตัวเองได้เป็นบางรายเท่านั้น ชาวบ้านส่วนมากทาง อบต.ป่าป่าเด็งได้ดำเนินการส่งน้ำให้ชาวบ้านให้ใช้อุปโภคบริโภคส่วนใหญ่ ส่วนในภาคการเกษตรน้ำยังไม่เพียงพอ ในพื้นที่โซนล่าง ม.5 ม.6 ม.7 ม.2ม.3 ม.4 เป็นพื้นที่ทำการปศุสัตว์เป็นโครงการสหกรณ์โคนม วัว เป็นหลัก
หากสถานการณ์น้ำยังแล้งอยู่แบบนี้อาจจะนำไปสู่วิกฤติเรื่องของโรคระบาดได้ในอนาคต โดยประชากรในพื้นที่ตำบลป่าเด็ง มี 10 หมู่บ้าน พื้นที่ที่วิกฤติคือ ม.10 บ้านป่าผาก ม.8 บ้านเขาแหลม เพราะเป็นแม่น้ำห้วยโสก ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลเฉพาะหน้าแล้งอย่างเดียว บางจุดขุดลงไปกว่า 4 ชั่วโมง ยังไม่เจอน้ำ ชาวบ้านได้มีการปลุกขนุน ปลูกทุเรียน พอน้ำแห้งลงต้นทุเรียน ขนุน ได้ยื่นต้นตายเป็นจำนวนมากแล้ว ซึ่งอัตราน้ำที่ไหลมาเติมในลำห้วยไม่เพียงพอบางจุดสูบน้ำได้เพียง 5-10 นาที น้ำก็หมดแล้ว หากไล่ระดับลงไปพื้นที่นี้คือ พื้นที่ป่าต้นน้ำปราณบุรีพอไหลลงไป ม.7-6-5-4-3-2 ต่างใช้น้ำในลำน้ำปราณบุรีเป็นหลัก หากพื้นที่ต้นน้ำดึงน้ำไปใช้ในภาคการเกษตรและครัวเรือน ในเร็ววันนี้พื้นที่ด้านล่างคงหนีไม่พ้นเรื่องของการปริมาณน้ำใช้ไม่เพียงพอแน่นอน ชาวบ้านทั้ง 10 หมู่บ้าน ประชากรกว่า 7,000 ราย กว่า 2,500-3,000 ครัวเรือน คงไม่มีน้ำใช้ทำเกษตรและอุปโภค บริโภคแน่นอน
///////////// บรรณรต ผู้สื่อข่าวจังหวัดเพชรบุรี