ข่าวใหม่อัพเดท » DSI ส่งมอบทรัพย์สินที่ยึดอายัดไว้ในคดีพิเศษ ให้แก่ สำนักงาน ปปง. มูลค่าเกือบ 8 ล้านบาท

DSI ส่งมอบทรัพย์สินที่ยึดอายัดไว้ในคดีพิเศษ ให้แก่ สำนักงาน ปปง. มูลค่าเกือบ 8 ล้านบาท

8 มิถุนายน 2023
0

DSI ส่งมอบทรัพย์สินที่ยึดอายัดไว้ในคดีพิเศษ ให้แก่ สำนักงาน ปปง. มูลค่าเกือบ 8 ล้านบาท

วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2566 พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวน
คดีพิเศษ มอบหมายให้ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ,นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง และ นางกนกลดา เจริญศิริ รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีการเงินการธนาคาร ส่งมอบทรัพย์สินที่ได้ยึดและอายัดไว้ในคดีพิเศษที่ 3/2564 ให้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายฟอกเงิน ประกอบด้วยทรัพย์สิน เช่น ธนบัตรชนิดต่างๆ จำนวน 8,503 ฉบับ รวมราคาประเมิน 5,564,260 บาท พระเครื่องเลี่ยมทอง อาวุธปืน รถจักรยานยนต์ เครื่องประดับ แว่นตา นาฬิกา และกระเป๋าแบรนด์เนมจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารที่อายัดไว้อีกจำนวนหนึ่ง รวมทรัพย์สินที่ยึดและอายัดไว้ จำนวน 55 รายการ ราคาประเมินรวมทั้งสิ้นประมาณ 8,000,000 บาท

คดีพิเศษที่ 3/2564 นี้เป็นกรณีกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างใช้ตราสัญลักษณ์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและชื่อผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในการหลอกลวงประชาชน แสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าสามารถให้สลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัลได้ พร้อมกับเรียกค่าตอบแทน โดยมีการประกาศโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ด้วยการใช้แอปพลิเคชันไลน์ (Line) เฟซบุ๊ก (Facebook) ชักชวนประชาชนให้สมัครสมาชิกแบบรายเดือนและรายปี ค่าสมาชิกอยู่ระหว่าง 700 – 1,500 บาท เป็นเหตุให้ประชาชนที่ถูกหลอกลวงเสียไปซึ่งทรัพย์สินและได้รับความเสียหายจำนวนมาก

กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย กองคดีความมั่นคง ได้ดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา และได้ทำการตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหาในเวลาต่อมา โดยได้มีการยึดอายัดทรัพย์สินดังกล่าวข้างต้นไว้ตามกฎหมาย จากนั้นคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สรุปสำนวนโดยมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาในฐานความผิดที่เกี่ยวข้อง ส่งให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ พิจารณา จนกระทั่งศาลอาญาได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมหรืออันเป็นเท็จ ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกให้เพื่อเบิกถอนเงินสดโดยมิชอบ และฟอกเงิน ให้จำคุกรวม 46 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุก 20 ปี

สำหรับทรัพย์สินที่ได้ทำการยึดอายัดไว้ดังกล่าวนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้รายงานการกระทำความผิดของผู้ต้องหาและส่งข้อมูลให้ สำนักงาน ปปง. เพื่อพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เนื่องจากปรากฏหลักฐานเชื่อได้ว่ามีการกระทำอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งต่อมาคณะกรรมการธุรกรรมได้มีคำสั่งให้ยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว เนื่องจากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าอาจมีการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด ในวันนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ส่งมอบทรัพย์สินที่ยึดอายัดและเก็บรักษาไว้ ให้กับสำนักงาน ปปง. เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมดังกล่าวและตามกฎหมายฟอกเงิน ในส่วนทรัพย์สินรายการอื่น อาทิเช่น บ้าน ที่ดิน และรถยนต์ ซึ่งศาลมีคำพิพากษาให้ริบนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

error: Content is protected !!