น่าน – หนุ่มขับรถตู้หลงรักสาวลาว ก่อเหตุใช้มีดจี้ชิงทรัพย์ มัดมือมัดปาก ยายวัย 78 ปี เจ้าของร้านชำ
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2566 เวลา 11.30 น. พ.ต.ท.สมเกียรติ รวมเงิน พงส.สภ. เมืองน่าน จ.น่าน ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุนครน่าน 191 ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน แจ้งว่า มีเหตุคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธมีด จี้ชิงทรัพย์(กระเป๋าเงิน)ที่ร้านป้าไล ขายของชำเลขที่ 1/3 บ้านท่าลี่ ถนนผากอง ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน จ.น่าน จึงรายงานให้ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ ผบก.จ.น่าน พ.ต.อ.ประจัญ ปัญญาแก้ว รอง ผบก.ภ.จ.น่าน, พ.ต.อ.ชาตรี หทยะวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองน่าน พ.ต.ท.จักรพงษ์ วงค์ไชย รอง ผกก.สส.สภ.เมืองน่าน, ร.ต.อ.อนุรักษ์ ขันแก้ว รองสว.สส.สภ. เมืองน่าน, พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองน่าน จำนวนหนึ่ง รุดเข้าไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบนางวิไล กุลศรีไชย อายุ 78 ปี เจ้าของร้านชำดังกล่าวอยู่ในอาการตื่นตกใจ ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ระหว่างที่ตนกำลังเรียงของในตู้เย็น ได้มีคนร้ายใส่เสื้อแขนยาวสีดำ เดินเข้ามาทางหลังบ้าน จากนั้นใช้มีดสปาต้า ยาวประมาณ 15 เซนติเมตร จี้บริเวนตรงเอว แล้วบังคับให้พาขึ้นไปบริเวณข้างบนบ้านชั้น 2 แล้วตัดสายพัดลมนำมามัดมือไพล่หลัง และใช้ผ้าพันคอที่อยู่ในห้องมัดปาก จากนั้นรื้อค้นเอาทรัพย์สิน แต่ไม่เจออะไรทั้ง ที่กระเป๋าใส่เงินหลายหมื่นบาท วางอยู่แต่คนร้ายมองไม่เห็น จากนั้นคนร้ายได้ลงมารื้อค้นบริเวนลิ้นชักโต๊ะขายของ ได้เงินทอน ที่อยู่ในลิ้นชักประมาณ 400 -1,000 บาท แล้ววิ่งออกทางหน้าร้านไปขึ้นรถจักรยานยนต์ของคนร้ายที่จอดไว้ตรงข้างร้านและหลบหนีไป ตนจึงวิ่งออกมาตะโกนขอความช่วยเหลือทั้งที่มีผ้ามัดปากอยู่ แต่สามารถจำรูปพรรณสันฐานคนร้ายได้ จนเพื่อนข้างบ้านได้ยินและออกมาช่วยแก้มัด และ โทรศัพท์ 191 แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังกล่าว
ซึ่งต่อมา พ.ต.ท.จักรพงษ์ วงศ์ไชย รอง ผกก.สส.สภ.เมืองน่าน, ร.ต.อ.อนุรักษ์ ขันแก้ว รอง สว.สส.สภ.เมืองน่าน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองน่าน จำนวนหนึ่ง ดูภาพจากกล้อง CCTV ในที่เกิดเหตุพบว่า เป็นชายวัยกลางคน ผอมสูง สวมเสื้อคลุมแขนยาว สีดำ กางเกงยีน ขายาว สวมหมวกแก๊ป สีน้ำตาล ใช้อาวุธมีดยาวลักษณะคล้ายมีดสปาต้า ขับขี่รถ จักรยานยนต์ ยี่ห้อ Yamaha รุ่น ฟีโน่ สีน้ำตาลขาว ทะเบียน กยน 20 น่าน โดยที่คุณยายวิไล ยืนยันว่าใช่รถจักรยานยนต์ที่คนร้ายที่ก่อเหตุจริง
ต่อมา เวลา 14.30 น. จากไล่ตรวจสอบกล้อง CCTV ตามต่างๆพบคนร้ายขับขี่ มุ่งหน้าไปทาง สี่แยก บ้านอภัย เลี้ยวซ้ายมุ่ง หน้าไปตามถนนยันตรกิจโกศล ไปทางอำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ได้ตรวจสอบพบว่ารถที่ใช้ในการก่อเหตุเลี้ยว เข้าไปภายในหมู่บ้านเอื้ออาทร บ้านเจดีย์ หมู่ 15 ต.ดู่ใต้ อ.เมืองน่าน จ.น่าน จนพบว่า รถที่ใช้ก่อเหตุจอดอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านเอื้ออาทร จึงขอความร่วมมือกับเจ้าของบ้านเพื่อทำการตรวจสอบ โดยเจ้าของบ้านให้ความร่วมมืออนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบ โดยให้เจ้าของบ้านดูภาพวงจรปิด เจ้าของบ้าน ยืนยันว่าชายรายดังกล่าวเป็นหลานของตน ชื่อนายประกอบกุล (ขอให้สงวนนามสกุล) ดวงพิกุล อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 50/59 บ้านเจดีย์ หมู่ 15 ต.ดูใต้ อ.เมืองน่าน จ.น่าน หรือนายแบงค์ หรือเพื่อนๆ เรียกว่า นายกอบ มีอาชีพขับรถตู้นำเที่ยว เคยมีภรรยาและแยกทางกัน มีลูกด้วยกัน 2 คน โดยที่ นายแบงค์ เคยเล่าให้ทางญาติฟังว่า ระหว่างขับรถนำเที่ยวไป สปป.ลาว ได้ไปหลงรักสาวลาว คนหนึ่งสัญญาว่าจะไปขอสาวลาวเพื่อแต่งงานกัน โดยวันนี้ตอนเช้าได้ขับรถออกไปส่งลูกไปโรงเรียน และพึ่งกลับเข้าบ้านมาและออกไปก่อนหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามา
โดยยาย ยืนยันว่าชุดที่ใส่ เป็นเสื้อผ้าชุดเดียวกับที่ปรากฎในภาพวงจรปิด และพึ่งเดินออกไปก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้ามาประมาณ 15 นาที โดยใส่ชุดเดิม ก่อนไปได้มาเล่นกับหลานวัยแรกเกิด นายแบงค์ได้บอกยายว่าจะไปต่างจังหวัด และสะพายกระเป๋าเป้ สีชมพู ออกบ้านไป ทางญาติก็นึกว่านายแบงค์ออกไปขับรถตู้นำเที่ยวเหมือนปกติ ไม่นึกว่าจะไปก่อเหตุ จี้ชิงทรัพย์ มาจนพบว่านายแบงค์ หลังจากเดินออกบ้านไปแล้วไปซื้อบุหรี่ที่ร้านค้าด้านหน้าหมู่บ้านเอื้ออาทรแล้วไม่จ่ายเงิน จากนั้นได้โทรศัพท์ มาบอกคนบ้านตรงข้ามว่า ลืมกระเป๋าเงิน ขอให้บ้านตรงข้าม ขับรถเอากระเป๋าเงินมาให้บริเวณด้านหน้าหมู่บ้านเอื้ออาทร จากนั้นคาดว่านายแบงค์. ได้โทรหาเพื่อน ที่เคยขับรถโดยสารน่าน-เชียงใหม่ โดยที่นายแบงค์ เคยเป็นคนขับรถของรถโดยสารสายดังกล่าวมาก่อน ให้มาจอดรับบริเวณด้านหน้าบริษัทประกันชีวิต ด้านหน้าหมู่บ้านเอื้ออาทรและขึ้นรถดังกล่าวไป โดยคนขับรถคันดังกล่าวได้ให้ข้อมูลว่า นายแบงค์ได้ลงรถที่สถานีขนส่งจังหวัดแพร่ และไม่รู้ไปที่ไหนต่อ
ทั้งนี้จากข้อมูลเพื่อนสนิทของนายแบงค์และญาติๆ นายแบงค์ต่างให้ข้อมูลตรงกันว่า นายแบงค์ได้ไปชอบสาว สปป.ลาว อยู่คนหนึ่ง เนื่องจากขับรถนำเที่ยวไป สปป.ลาวเป็นประจำ คาดว่าคงทราบว่าร้านขายของชำ ดังกล่าวมีเงินสดอยู่ และเจ้าของร้านก็เป็นหญิงชรา และภายในร้านยังไม่มีกล้องวงจรปิด จึงวางแผนเข้าไปก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์เพื่อต้องการทรัพย์สินหรือเงินเพื่อจะหลบหนีไป สปป.ลาว และอยู่กินกับสาวลาว ที่นายแบงค์ หลงรัก แต่โชคไม่เข้าข้าง เนื่องจากนายแบงค์ ลงมือจี้ชิงทรัพย์ แต่กลับมองไม่เห็นกระเป๋าที่ยายวิไลใส่เงินไว้หลายหมื่น
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ ผบก.จ.น่าน กล่าวหลังลงพื้นที่ติดตามตัวนายแบงค์ ผู้ก่อเหตุว่า พฤติการของคนร้ายเบื่องต้น คนร้ายได้มาดูลาดเลาที่ร้านขายของชำ จากที่ดูลาดเลาเสร็จแล้วได้เข้ามาใช้อาวุธมีดจี้ จากนั้นได้มัดมือ และใช้ผ้ามัดปาก พร้อมทั้งขู่เอาเงิน ได้เงินไป 400-1,000 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว และกำลังดำเนินการติดตามจับกุมตัว เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ ต่อไป
จึงขอฝากเตือนพี่น้องประชาชน ขอให้มีการป้องกันโดยเฉพาะการติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้น
ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น
โทร. 0848084888