สถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม แถลงความคืบหน้า เหตุกลุ่มวัยรุ่นไล่ทำร้ายนักศึกษาในวัดแห่งหนึ่ง จังหวัดนครปฐม โดยแจ้งข้อหาฐานความผิด ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียหาย ลักทรัพย์ และร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านไม่มีเหตุอันสมควร
วันที่ 21 กันยายน 2566 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม รักษาราชการแทนผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองนครปฐม แถลงความคืบหน้าเหตุกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 12 คน ไล่ทำร้ายกันในวัดแห่งหนึ่ง จังหวัดนครปฐม ซึ่งเหตุเกิด เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 13.00 น. ภายในบริเวณวัดพระประโทนเจดีย์ ต.พระประโทน อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนทราบว่า เป็นเด็กสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มเด็กที่ถูกทำร้ายกำลังศึกษาอยู่ ส่วนกลุ่มที่มาทำร้ายเป็นนักเรียนที่ออกจากสถาบันการศึกษาและไม่ได้ศึกษาต่อ ทั้งหมดมีอายุ 14-16 ปี
พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า ที่ผ่านมาตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ได้มีมาตรการในการป้องกันเหตุประจำจุดต่างๆ ทั้งช่วงเช้า และช่วงเย็นอย่างเคร่งครัด สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเวลา 13.00 น. โดยสืบสวนทราบว่าช่วงนี้อยู่ระหว่างการสอบของเด็กนักเรียนมีการนัดพบรวมกลุ่มกัน และมีการท้าทายกันในสื่อโซเชียล ทำให้กลุ่มที่มาทำร้ายมาพร้อมอาวุธ มีทั้งมีด ไม้ และวัตถุคล้ายอาวุธปืน ทำให้เกิดความเสียหายกับบุคคล และทรัพย์สิน
ผู้เสียหายได้แก่
- นายหนึ่ง อายุ 16 ปี ศีรษะขวาแตก จากการถูกขว้างด้วยก้อนอิฐ
- นายสอง อายุ 16 ปีเศษ รถจักรยานยนต์ถูกฟันเสียหาย
- นายสาม อายุ 15 ปีเศษ รถจักรยานยนต์ถูกฟันเสียหาย
- นายคมกฤษ อายุ 45 ปี โทรศัพท์มือถือยี่ห้อออปโป้ เอ 93 1 เครื่อง ราคา 8,000 บาท กระเป๋าสตางค์ 1 ใบ ภายในมีเงิน 8,000 บาท เก็บไว้ที่รถจักรยานต์ถูกขโมยไป และรถจักรยานยนต์ถูกฟันเสียหาย
- นายเอ อายุ 16 ปีเศษ กระเป๋าสตางค์ 1 ใบ ภายในมีเงิน 1000 บาท บัตรประชาชน ใบขับขี่และบัตรเอทีเอ็มถูกขโมยไป
- นายซี อายุ 15 ปีเศษ หมวกกันน็อคเต็มใบ 1 ใบ ราคา 1,600 บาท
ผู้ต้องหาทั้งหมด 12 คน สามารถตามตัวได้แล้ว 5 คน ยังตามตัวไม่ได้ 2 คน ส่วนที่เหลืออีก 5 คน ยังไม่ทราบ ชื่อ สกุล ว่าเป็นผู้ใด ทั้งนี้ได้แจ้งข้อหาฐานความผิด ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียหาย ลักทรัพย์ และร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านไม่มีเหตุอันสมควร