แกะรอยกว่า 15 วัน …สืบนครบาลรวบ “เจน-ยวน คู่ขาแก็งค์ล้วงกระเป๋า เตรียมตัวก่อเหตุซ้ำ สุดช็อค ก่อเหตุกว่า 100
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะมีนโยบายเร่งรัดปราบปรามกวาดล้างกลุ่มแกงค์เหล่ามิจฉา ชีพ นักล้วงกระเป๋าให้เป็นรูปธรรมในย่านแหล่งธุรกิจและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญใจกลางกรุง อันทำให้เกิดความเสียหายและเกิดผลกระทบด้านลบต่อภาพลักษณ์ของการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อันสนองตามนโยบายของรัฐบาล
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนและร้องทุกข์จากผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนว่า ถูกแก็งค์มิจฉาชีพตระเวนอาละวาดออกล้วงกระเป๋าลักทรัพย์คนไทยและนักท่องเที่ยวย่านใจกลางกรุง ไม่เว้นแต่ละวัน จึงได้สั่งการจัดทีม สืบสวนนครบาล และนักสืบ 113 ออกแกะรอยสืบสวนพบ “กลุ่มแก๊งมือเซียน” ท้าทายเจ้าหน้าที่ตำรวจและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก. สส. บช.น., พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก. สส.1บช.น., พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บช.น., พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น., เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.), เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.สมุทรปราการ และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 113 นำกำลังสืบสวนติดตามและจับกุมตัว 1.นายบุญ หรือเจน สมนาง อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 903/2566 ลงวันที่ 26 กันยายน 2566, 2.นายจัน หรือยวน เน็ต อายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา
โดยกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ว่า ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ฯ(ล้วงกระเป๋า)” กล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมตรวจยึดของกลาง ได้แก่ 1.เสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ผู้ถูกจับใช้ในการก่อเหตุ จำนวน 1 ชุด, 2. เงินสดจำนวน 30,000 บาท, 3.แหวน ลักษระคล้ายทองคำ จำนวน 1 วง, 4.พระเครื่องพร้อมกรอบ ลักษระคล้ายทองทำ จำนวน 1 องค์, 5.สร้อยคำ ลักษณะคล้ายทองคำจำนวน 1 เส้น, 6.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ oppo จำนวน 1 เครื่อง และ 7.ของกลางอื่นๆ อาทิ สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ จำนวน 3 เล่ม /ตั๋วจำนวนทอง จำนวน 5 ใบ และรายการอื่นๆ รวม 22 รายการ โดยจับ กุมตัวได้ที่บริเวณหน้าห้างอิมพีเรียล สาขาสำโรง ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทร ปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
พฤติการณ์กล่าวคือ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและนักท่องเที่ยวผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ว่าเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 ได้มีกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพออกตระเวนล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์ สินพนักงานและนักท่องเที่ยวจำนวนหลายราย ในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. ทำการสืบสวน จนทราบแผนประทุษกรรมของแก๊งนี้ ประกอบด้วยสมาชิกเป็นชาวกัมพูชาประมาณ 4-5 คน ซึ่งพักอาศัยในอพาร์ทเมนต์ย่านสำโรง-เทพารักษ์ จะออกตระเวนก่อเหตุล้วงกระเป๋าเป็นอาชีพตามแหล่งชุมชนที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรพลุกพล่าน โดยมักจะรวมตัวบริเวณห้างดังย่านสำโรง หรือสี่แยกบางนา แล้วเดินทางโดยใช้รถสาธารณะเข้าพื้นที่เป้าหมาย บางจุดมีระยะทางกว่า 30 กิโล เมตร ในย่านธุรกิจสำคัญๆ สับเปลี่ยน หมุนเวียน วันเว้นวัน ไม่ซ้ำเวลา ทั้งในช่วงเช้า (ตั้งแต่ 06.00 น.) จนถึงช่วงค่ำ (24.00 น.) ในย่านสำคัญ อาทิ ย่านสุขุมวิท ซอยนานา, สีลม, สาธร , ตลาดประตูน้ำ, สี่แยกเกษตร ตลอดเส้นจนถึง เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน
โดยมักจะเลือกเหยื่อทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยเน้นสัญชาติ ญี่ปุ่น เกาหลี และสัญชาติจีน เป็นหลัก ไม่เว้นแม้กระทั่งชายและหญิง ที่มีการสะพายกระเป๋าเป้ไว้ทางด้านหลัง ซึ่งวิธีการก่อเหตุของกลุ่มนี้ จะทำงานกันเป็นทีมอย่างน้อย 2 คน จะลงพื้นที่เดินไปมาโดยรอบและติดตามหาเหยื่อ เมื่อพบเป้าหมายก็จะมีการแบ่งหน้าที่กันทำแบบชัดเจน โดยคนหนึ่งจะทำหน้าที่ติดตามสังเกตการณ์ตรวจตราพื้นที่โดยรอบเพื่อรอจังหวะที่จะออกคำสั่งผ่านการโทรศัพท์ในรูปแบบหูฟังไร้สาย (Bluetooth) ไปยังอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เคียงเข้าเดินตามติดผู้เสียหายและเมื่อสบโอกาส คนร้ายจะทำการล้วงกระเป๋าโดยการเปิดซิปเป้สะพายหลังก่อนล้วงเอาทรัพย์สิน โดยอีกคนจะทำหน้าที่เดินบังเพื่อมิให้คนอื่นเหตุพฤติกรรมการก่อเหตุ เมื่อได้ทรัพย์ทั้งคู่จะเดินฉีกออกก่อนจะขึ้นรถโดยสารสาธารณะหลบหนี แล้วนัดกันแบ่งทรัพย์สินที่ได้มา
จากการตรวจสอบประวัติการต้องโทษพบว่า นายบุญ หรือเจนฯ ผู้ถูกจับเคยต้องโทษในลักษณะเดียวกันในฐานความผิด “ลักทรัพย์” เมื่อปี พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา ในชั้นจับกุม นายบุญฯ และนายจันฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ.2566 ผู้ถูกจับทั้งสองได้ลักลอบเข้าประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ จ.สระแก้ว โดยเมื่อเข้ามาในประเทศไทย โดยไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง และผู้ถูกจับทั้งสองได้รู้จักกัน คบหา และมีความสนิทสนมกันประมาณ 5 เดือน จึงได้ชักชวนเพื่อนๆที่รู้จัก รวมตัวกันศึกษา เรียนรู้ และวางแผน โดยมีเพื่อนแก็งนักล้วงกระเป๋าชาวเวียดนาม คอยให้คำปรึกษาและสอนเทคนิควิธีการล้วงกระเป๋าระดับเซียนให้กลุ่มแก็งค์นักล้วงกระเป๋าดังกล่าวจนซ้ำซอง และเดินทางเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่แหล่งชุมชนดังกล่าวที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรและชุมนุมอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อได้ทรัพย์สินที่ลักมาได้ จะโอนเงิน หรือ ซื้อเป็นทองคำรูปพรรณ ส่งกลับไปให้ภูมิลำเนาบ้าน ณ ประเทศเพื่อนบ้าน โดยผู้ถูกจับทั้งสองรับว่า กลุ่มของตนได้ออกตระเวนล้วงกระเป๋าในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแต่ละวัน โดยบางวันสามารถล้วงกระเป๋าผู้เสียหายได้มากถึง 3-4 ราย รวมจำนวนการก่อเหตุมากกว่า 100 ครั้ง
หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล จึงได้นำตัวผู้ถูกจับทั้งสองส่งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบของ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สภ.สำโรงเหนือ จว.สมุทรปราการโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาลได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมและสะกดรอยกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเป็นระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ จนแน่ชัดพบกลุ่มแกงค์นักล้วงกระเป๋าที่ตระเวนก่อเหตุจริง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและเข้าทำการจับกุมพร้อมตรวจยึดของกลาง รวม 22 รายการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “จากการจับกุมแก็งค์ล้วงกระเป๋าในครั้งนี้ สืบนครบาล IDMB จะทำการสืบสวนขยายจับกุมเครือข่ายแก็งค์มิจฉาชีพที่มีพฤติกรรมในลักษณะแบบเดียวกันอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เนื่องจาก จากการสืบสวนพฤติกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ จะมีการสั่งการและทำงานกันเป็นทีม มีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจำต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เท่าทัน ซึ่งอาชญากรรมดังกล่าวนี้ เป็นอาชญา กรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในสังคม รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งในเวลาอันใกล้นี้ ประเทศไทยจะเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก จึงเป็นภารกิจจำเป็นและเร่งด่วนอย่างยิ่งในการส่งเสริมและสร้างภาพลักษณ์อันดีต่อท่องเที่ยวในการสร้างความรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและชาวต่างชาติเป็นสำคัญ
โดยทาง สืบนครบาล จะเร่งดำเนินขยายผลติดตามจับกุมให้ได้ทั้งขบวนการ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และขอฝากเตือนไปยังผู้ประชาชนซึ่งเดินทางโดยการสัญจรอยู่บนฟุตบาทต่างๆ อยู่เป็นประจำ ให้เดินทางโดยใช้ความระมัดระวัง เก็บสิ่งของมีค่าให้มิดชิด เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของท่าน” จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ให้แจ้งมาที่เฟซบุ๊กเพจ “สืบนครบาล IDMB” จะมีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งจะปกปิดข้อมูลของเหยื่อเป็นความลับ
ภาพ/ข่าว
นายโยธิน พรมแตง
บรรณาธิการข่าวอาวุโส
สำนักข่าวความมั่นคง รายงาน