ข่าวใหม่อัพเดท » สืบสวนตม.รวบหนุ่มเวียดนาม​ มีหมายจับ ฉ้อโกงคนไทย​ และคนเวียดนาม มูลค่ากว่า 130 ล้านบาท

สืบสวนตม.รวบหนุ่มเวียดนาม​ มีหมายจับ ฉ้อโกงคนไทย​ และคนเวียดนาม มูลค่ากว่า 130 ล้านบาท

11 ตุลาคม 2019
0

สืบสวนตม.รวบหนุ่มเวียดนาม​ มีหมายจับ ฉ้อโกงคนไทย​ และคนเวียดนาม มูลค่ากว่า 130 ล้านบาท

         วันนี้​ วัน​ศุกร์ที่ 11 ต.ค.62 เวลา 10.00 น.​ ณ ห้องโถงชั้นล่าง อาคาร 2 สตม.(สวนพลู) สาธร​ กทม.​ : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย​ พล.ต.ต.พรชัย ขันตี,พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์, พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม.​ และพล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.สส.สตม ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย​ชาวเวียดนาม ตามหมายจับของศาลจังหวัดพิจิตร​ ที่ฉ้อโกงคนไทยและคนเวียดนาม มูลค่ากว่า 130 ล้านบาท

          พล.ต.ท.สมพงษ์​ฯ​ กล่าว​ว่า​ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2562​ กองบังคับการสืบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับการประสานจากสถานีตำรวจภูธรเมืองพิจิตร ว่ามีผู้ต้องหาชาวเวียดนามตามหมายจับของศาลจังหวัดพิจิตร ที่ จ.176/2562 ลง 23 ส.ค.62 ชื่อ MR.NGOC อายุ 30 ปี สัญชาติเวียดนาม ได้หลบหนีออกจากประเทศไทย โดยขอความร่วมมือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบ หากผู้ต้องหาเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทยให้จับกุม​ และนำส่งสถานีตำรวจภูธรเมืองพิจิตร​ เพื่อดำเนินคดี

         ซึ่งต่อมาชุดสืบสวนกองกำกับการ 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง,ชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวน กองบังคับตรวจคนเข้าเมือง 2 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง,ชุดศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ​ และเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนัก งานตรวจคนเข้าเมือง​ และชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 ได้ร่วมกันสืบสวนจนทราบว่ามีบุคคลชื่อ​ MR.NGOC จะเดินทางโดยเครื่องบินจากประเทศเวียดนามมายังประเทศไทย ในวันที่ 2 ตุลาคม 2562 เวลา 13.30 น.

          ซึ่งหมายเลขหนังสือเดินทางไม่ตรงกับเลขหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาตามหมายจับ ผู้บังคับบัญชาสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้สั่งการให้ตรวจสอบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลคนเดียวกับผู้ต้องหาหมายจับหรือไม่ ชุดสืบสวนจึงได้เฝ้าสะกดรอยจนพบ MR.NGOC ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ จึงได้เชิญตัวไปตรวจสอบเปรียบเทียบกับระบบ BIOMETRICS ผลยืนยันว่า MR.NGOC เลขหนังสือเดินทาง C 817xxxx เป็นบุคคลคนเดียวกับ MR.NGOC หมายเลขหนังสือเดินทาง C 663xxxx ผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้น จึงได้แสดงหมายจับให้ MR.NGOC ผู้ต้องหาทราบ โดยผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง​ และได้ไปทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ภายหลังจากถูกออกหมายจับ จากนั้นชุดสืบสวนจึงจับกุมและนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

          พล.ต.ท.สมพงษ์​ฯ​ กล่าว​อีกว่า​ พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของผู้ต้องหานั้น​ ได้ร่วมขบวนการกับผู้ต้องหาคนไทย​ และคนเวียดนามรวม 7 คน ชักชวนผู้เสียหายซึ่งมีทั้งคนไทยและคนเวียดนามจำนวนหลายสิบคน ให้ร่วมลงทุนกับกลุ่มผู้ต้องหา โดยหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าสามารถนำเงินดิจิทัลสกุล onecoin มาใช้แทนเงินสดในการจับจ่ายซื้อสินค้าต่างๆ ที่ประเทศไทยได้ ซึ่งในช่วงเวลานั้นทั้งในประเทศเวียดนามและประเทศอื่นๆ เงินดิจิทัลสกุล one coin ประสบปัญหาไม่เป็นที่ยอมรับ จึงไม่สามารถใช้ซื้อสิ้นค้าหรือแลกเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินอื่นๆ ได้

         โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าหากนำเงินสดมาลงทุนในเงินดิจิทัลสกุล one coin ที่ประเทศไทยจะสามารถนำมาใช้ซื้อทองคำ รถยนต์ ที่ดิน​ และสิ่งปลูกสร้าง โดยมีข้อตกลงว่าการซื้อขายทองคำ 1 บาท ให้นำเงินสด ครึ่งหนึ่งและใช้เงินดิจิทัล onecoin ครึ่งหนึ่งตามมูลค่าทองคำในท้องตลาด หากทองคำราคาบาทละ 20,000 บาท ให้จ่ายเงินสด 10,000 บาทและเงินดิจิทัล onecoin ตามที่บริษัทกำหนด​ และจะได้รับดอกผลตอบแทนจากการร่วมลงทุนด้วย ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้เดินทางมาพบผู้ต้องหา​ และนำเงินสดมาร่วมลงทุน ณ ที่บริษัทของกลุ่มผู้ต้องหา ที่จังหวัดพิจิตร ต่อมาภายหลังผู้เสียหายหลายคนพบว่าหลังจากที่หลงเชื่อร่วมลงทุนไปแล้ว ไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ตกลงหรือโฆษณากล่าวอ้างไว้ จึงทราบว่าถูกกลุ่มผู้ต้องหาหลอกลวง และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองพิจิตร เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา

          พล.ต.ท.สมพงษ์​ฯ​ จึงขอแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยว่า เมื่อพบเห็นการโฆษณาชวนเชื่อชักชวนให้ร่วมลงทุนในธุรกิจสกุลเงินดิจิทัล​ และจะได้รับผลตอบแทนที่สูงภายในช่วงระยะเวลาสั้น ประชาชนควรระมัดระวัง ศึกษาข้อมูลและรายละเอียดให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะมีความเสี่ยงที่มูลค่าจะผันผวนหรือปรับลดค่าลงได้อย่างรวดเร็ว และอาจใช้เป็นช่องทางในการหลอกลวง​ และฉ้อโกงประชาชนได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการโฆษณาว่าเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่จะให้ผลตอบแทนสูง หากมีการหาสมาชิกเพิ่มได้มาก อีกทั้ง onecoin ไม่ใช่สกุลเงินที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายไทย โดยสามารถติดตามข่าวสารและสอบถามรายละเอียดจากธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

          พล.ต.ท.สมพงษ์​ฯ​ ขอฝากประชาสัมพันธ์​ให้ทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

สุรเชษฐ​ ศิลา​นนท์​ รายงาน​

error: Content is protected !!