นายกรัฐมนตรี พอใจจุดความร้อนในจังหวัดเชียงใหม่ลดลง ชื่นชมทีมไทยแลนด์ทำงานได้ดี เตรียมประสานเพื่อนบ้าน กัมพูชา-ลาว-เมียนมา รวมแก้ปัญหาฝุ่นและไฟป่า
ณ ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการมาตรวจราชการจังหวัดเชียงใหม่ ว่า ได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมเรื่องป้องกันไฟป่า รวมถึงการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่โดยรวม ทั้งนี้ ก่อนเข้าประชุมได้มีเรื่องด่วน โดยตนเองได้เซ็น ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ให้กับพรรคก้าวไกล ซึ่งคาดว่าจะนำเข้าสู่สภาฯ ทันวันนี้ พร้อมกล่าวย้ำว่า วันนี้เพื่อมาติดตามหลังลงพื้นที่มาเมื่อวันที่ 28 พ.ย.2566 ที่ผ่านมา โดยมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมด้วย ทั้งฝ่ายความมั่นคง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ โดยเรื่องแรกได้พูดถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นที่น่ายินดีว่าจุดความร้อนลดลง โดยช่วงเวลาเดียวกันจาก 50 กว่า เหลือ 10 กว่า ถือเป็นการเริ่มต้นปีด้วยดี แสดงว่าการที่เราลงพื้นที่ร่วมมือทำงานแบบบูรณาการ โดย ผู้ว่าฯเชียงใหม่ เป็นหัวหน้าทีม ในการประสานทุกภาคส่วน จึงทำให้ค่าฝุ่นลดลงอย่างมีนัยยะ
ส่วนเรื่องการเผาป่า นายกรัฐมนตรีเชื่อว่า ภายใต้การนำของ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ ดูแลกันได้ดีมาก จึงทำให้จุดความร้อนลดลงไป แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียว โดยมีประเทศเพื่อนบ้านทางกัมพูชา รวมถึง สปป.ลาว เมียนมา โดยเมียนมากับลาวปัญหาน่าจะมาหนักประมาณเดือนมีนาคมและเมษายน จึงต้องอาศัยการพูดคุยของกระทรวงการต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สปป.ลาว มีความสัมพันธ์ที่ดี จึงเป็นไปด้วยดี แต่ทางเมียนมาค่อนข้างอาจจะซับซ้อน แต่ยังมีระยะเวลาอีกประมาณเดือนครึ่ง โดยจะให้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดูแลเป็นพิเศษ รวมถึงการเผาป่าจากชายแดนเมียนมาก็เป็นปัญหาสำคัญ แต่สำคัญกว่านั้น เดือนนี้และเดือนหน้าเป็นฤดูเผาป่าของทางด้านกัมพูชา เห็นได้จากแผนที่ ที่โชว์ค่าจุดความร้อน ซึ่งวันนี้ตนเองจะนำข้อมูลมาดู และช่วงบ่ายนี้จะพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพราะเรามีความสัมพันธ์ที่ดีและท่านเองก็มีความเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องนี้พอสมควร
ส่วนเรื่องทรัพยากรในการดูแลไฟป่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังเป็นประเด็นสำคัญที่มีงบประมาณขาดแคลนจากกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งตนเองได้ทราบนโยบายโดยจะต้องมีการจัดซื้อจัดจ้าง บูรณาการอุปกรณ์เพิ่มมากขึ้น แต่ต้องใช้เวลา เพราะการจะสั่งซื้อเครื่องบินต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งถึงสองปีเป็นต้นไป แต่ในปัจจุบันได้มีการพูดคุยและขอร้องให้แม่ทัพภาคที่ 3 ดูแลพูดคุยกับผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารอากาศ หากมีเครื่องบินหรืออุปกรณ์ที่อาจจะยังไม่ได้ใช้หรือใช้น้อยให้เราปรับปรุงนิดหน่อยแล้วมาใช้ ได้ในแง่ของการปล่อยน้ำหรือทำฝนหลวงได้หรือไม่ เพราะหากช่วยเหลือกันได้ก็จะเป็นการทำงานที่ครบวงจร เป็นการทำงานทีมไทยแลนด์อย่างแท้จริง กอ.รมน. ก็สามารถช่วยได้อยู่แล้ว เพราะทำอยู่แล้วในแง่ของไฟป่า
นที มีเดช