สืบตม.6 ร่วมตม.นครศรีฯ ขยายผล จับแก๊งคอลฯ คาโกดังสินค้ามือ 2
วันที่ 31 มีนาคม 2567 มีรายงานข่าวว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 30 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, สืบสวนบก.ตม.6, พ.ต.อ.เด่นชาย เจริญยุทธ ผกก. สส.บก.ตม.6 สั่งการให้ชุดสืบสวนบก.ตม.6 ร่วมกับ สารวัตรตรวจคนเข้าเมือง พ.ต.ท.วรรณชัย สุขแจ่ม สว.ตม.จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมทีมสืบสวนเข้าตรวจค้นที่โกดังร้านสินค้าญี่ปุ่นมือ 2 แห่งใน อำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราช
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งจีนคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สืบตม. 6 ร่วมกับ ตม.นครศรีธรรมราชขยายผลไปที่โกดังสินค้าญี่ปุ่นมือสองแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในอำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราช
ภายหลังจากการเปิดปฏิบัติการสนธิกำลังของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจไซเบอร์ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจสืบสวน ภ.8 เจ้าหน้าที่ กสทช. กว่า 100 นาย เข้าปูพรมตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุดสำคัญ ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ในการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชาวจีนรายใหญ่ ที่ลักลอบตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกชาวไทย ชาวจีนและอีกหลายประเทศทั่วโลก สืบสวนตม.6 พร้อม ตม.นครศรีธรรมราช ทำการขยายผลต่อไปที่โกดังสินค้าญี่ปุ่นมือสอง อำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราช ภายหลังจากสืบทราบมาว่าได้มีการเปิดโกดังสินค้าเพื่อบังหน้า ขณะเข้าตรวจค้น พบชาวจีนจำนวนมากตกใจได้ทำการวิ่งหลบหนี โดยปีนกำแพงรั้วหนี บางส่วนหลบหนีโดยใช้ยานพาหนะเป็นรถตู้ หลบหนีไปทางเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดชุมพรและจังหวัดนครศรีธรรมราช
โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานตำรวจทางหลวงสกัดจับได้จำนวน 13 ราย โดยหลังการตรวจสอบพบ คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการกระทำผิด มือถือและซิมการ์ดจำนวนมากภายในโกดัง และจากการตรวจสอบพบ ชาวจีนจำนวนทั้งสิ้น 22 ราย
– พบชาวจีนกระทำความผิดในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง 7 ราย
– ชาวจีนให้การช่วยเหลือซ่อนเร้น 1 ราย(ขับรถพาเพื่อนชาวจีนหลบหนี)
– Visa Overstay 1 ราย
พ.ต.อ.เด่นชาย เจริญยุทธ ผกก.สส.บก.ตม.6 กล่าวว่าในส่วนของเจ้าของโกดังที่เป็นคนไทย ที่มีการดัดแปลงเป็นทั้งที่พักอาศัยและสถานที่ทำงาน ก็ได้ให้จนท.ฝ่ายสืบสวนดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.นาบอนเพื่อดำเนินคดีในข้อหาช่วยเหลือ ให้ที่พักพิง แก่บุคคลต่างด้าว ในส่วนของบุคคลชาวจีนที่เหลืออีก 13 รายที่พบภายในโกดังก็จะต้องนำมาตรวจสอบ หากพบมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งคอล เซ็นเตอร์ หรือมีส่วนในการกระทำความผิด ก็จะดำเนินการเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรต่อไป
ธีรศักดิ์ อักษรกูล รายงาน