ตำรวจ – กสทช. – กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดปฏิบัติการ TAKE DOWN SCAMMER ทลายฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ค้น 3 จุด นครศรี ธรรมราช รวบ 63 ต่างชาติ – ไทย ซุกโรงแรม โกดังของมือ 2 ยึดซิมผีนับพัน กลลวงหลอกลงทุน หลอกรีวิว ส่งลิงก์ ดูดเงิน ประสานตำรวจจีน ญี่ปุ่น ขยายผล
จากนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวดขัน ปราบปรามอย่างเด็ดขาดกับอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) รักษาราชการแทน ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยตำรวจในพื้นที่บูรณาการหาข่าว ปราบปรามขยายผลให้ถึงผู้บงการ ยึดทรัพย์ และนำตัวมาดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด ซึ่งได้ปรากฏทางการสืบสวนพบว่า มีกลุ่มแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติมาตั้งฐานอยู่ทางภาคใต้ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. บูรณการกำลังเข้าปฏิบัติการ
วันนี้ ( 29 มีนาคม 2567 ) เวลา 16.30 น. ที่ สภ.ฉวาง จว.นครศรีธรรมราช พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ดูแลงานด้านอาชญากรรมเทคโนโลยี ร่วมกับ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช. ) ด้านกฎหมาย ในฐานะประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ นายไตรรัตน์ วิริยะศิรติกุล รักษาการ เลขาธิการ กสทช. พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงผลการปฏิบัติการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการหลอกลวงประชาชนทางออนไลน์เครือข่ายใหญ่ที่สุดในประวัติ ศาสตร์ โดยมี พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี( ผบช.สอท. ), พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8, พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5, พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลง
พล.ต.ท.ธัชชัยฯ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนสอบสวนเชิงรุกของตำรวจ ร่วมกับ กสทช.และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ผนวกกับการตรวจสอบแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ตำรวจ สอท. 5 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้นจากศาล เข้าตรวจค้น 3 จุด จุดแรกโรงแรมแห่งหนึ่งในตำบลจันดี อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรรมราช และอีก 2 จุด คือ บ้านพัก ใน อ.ฉวาง ขยายผลไปยัง โกดังจำหน่ายสินค้าญี่ปุ่นมือสอง ในพื้นที่ อ.นาบอน จ.นครศรีธธรมราช พบผู้ต้องหา และของกลางจำนวนมาก โดยพบความเชื่อมโยงกัน สถานที่ดังกล่าวถูกใช้เป็นฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ที่ทำเป็นขบวนการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน
โดยจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ 63 ราย สัญชาติไทย 12 ราย สัญชาติอื่น 51 ราย พร้อมของกลางประกอบด้วย 1. คอมพิวเตอร์ 223 เครื่อง, 2. โทรศัพท์มือถือ และซิมการ์ดผี 1,300 รายการ, 3. เราเตอร์กระจายสัญญาณ 12 เครื่อง, 4 .สมุดบัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) 80 เล่ม
ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ดำเนินคดีกลุ่มผู้ต้องหา ในความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ, พ.ร.บ. การทำงานของคนต่างด้าวฯ, พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทค โนโลยี, พ.ร.บ.โทรคมนาคมฯ, พ.ร.บ.ศุลกากรฯ และ ประกาศ กสทช. เรื่องการยืนยันตัวตนและข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการฯ และจะมีการขยายผลการกระทำผิดไปถึงทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการยึดทรัพย์อย่างเด็ดขาด
“แก๊งนี้ถือเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ โดยในครั้งนี้ทางทูตตำรวจจีน และญี่ปุ่น ได้เข้าร่วมตรวจสอบการกระทำผิดเพื่อนำไปสู่การขยายผลการกระทำผิดในประเทศจีนและญี่ปุ่นต่อไป ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้เป็นการตอบสนองนโยบายของนายกรัฐมนตรี ซึ่ง พล.ต.อ. กิตติ์รัฐฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง” พล.ต.ท.ธัชชัยฯ กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.ณัฐธรฯ กล่าวว่า จากการตรวจสอบการสื่อสารข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลที่บันทึกไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ และซักถามกลุ่มผู้ต้องหาพบว่าแก๊งหลอกลวงทางออนไลน์แก๊งนี้มีพฤติการณ์ดังนี้
- หาเหยื่อผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะแอปพลิเคชันเทเลแกรม
- ชักชวนเหยื่อให้ช่วยแนะนำรีวิวโรงแรม รีสอร์ท ที่พัก ต่าง ๆ โดยล่อลวงว่าจะได้รับรางวัลตอบแทนเป็นที่พัก หรือตั๋วเครื่องบินฟรี
- หลอกให้เหยื่อกรอกข้อมูลส่วนบุคคลต่าง ๆ
- เมื่อเหยื่อหลงกลจะส่งข้อความแนบลิงก์เพื่อยืนยันการรับรางวัล ทั้งที่ความจริงเป็นลิงก์อันตราย ติดตั้งแอปฯ ควบคุมโทรศัพท์มือถือจากระยะไกล ( รีโมท )
- จากนั้นคนร้ายจะใช้ข้อมูลส่วนตัวที่เหยื่อให้ไว้เข้าถึงบัญชีธนาคารผ่านโมบายแบงก์กิ้ง ดูดเงินออกจากบัญชีของเหยื่อนอกจากนี้ยังมีกลอุบายหลอกให้ลงทุนด้วยวิธีต่าง ๆ ด้วย
พล.ต.อ.ณัฐธรฯ กล่าวด้วยว่า ในการจับกุมครั้งนี้ ตำรวจ กสทช. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำการรื้อถอน และตรวจยึดอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี, คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, รวมทั้งซิมการ์ด ซึ่งเป็น ซิมผี ไม่ได้ลงทะเบียนหรือลงทะเบียนไม่ถูกต้องตามกฎหมายและประกาศ กสทช.กำหนด ไปตรวจสอบทางเทคนิคเพื่อขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป .สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความมุ่งมั่นในการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างจริงจัง เด็ดขาด .ทั้งนี้ขอย้ำเตือนภัยแก่พี่น้องประชาชนขอให้ระมัดระวังไม่หลงเชื่อกลลวงของมิจฉาชีพออนไลน์ ที่ใช้อุบายต่าง ๆ ในการล่อลวง และหากตกเป็นเหยื่อสามารถแจ้งเหตุ อายัดเงินด่วน ได้ทางสายด่วน โทร.1441 ศูนย์ AOC โดยไม่มีช่องทางไลน์ หรือเพจเฟซบุ๊กใด ๆ และสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th ช่องทางเดียวเท่านั้น โดยไม่มีช่องทางไลน์ หรือเพจเฟซบุ๊ก
#แก๊งคอลเซ็นเตอร์#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ#Royalthaipolice
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ