วันมูหะมัดนอร์ มะทา ร่วมโครงการ Mahabbah Ramadan อ้อมกอดแห่งรอมฎอนสู่เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วันศุกร์ที่ 5 เมษายน 2567 เวลา 17.00 นาฬิกา ณ เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เดินทางไปเป็นประธานในโครงการ “Mahabbah Ramadan ออมกอดแห่งรอมฎอนสู่เรือนจำ” พร้อมด้วยนายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ร่วมเป็นเกียรตีในพิธีดังกล่าว โดยมีพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายเทวพงศ์พันธ์ เมืองยม ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ กรมราชทัณฑ์
โดยเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดโครงการ “Mahabbah Ramadan อ้อมกอดแห่งรอมฎอนสู่เรือนจำ” อันเนื่องในโอกาสแห่งเดือนรอมฎอนอันประเสริฐที่มุสลิมทั่วโลกร่วมปฏิบัติศาสนกิจ เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นหนึ่งในเรือนจำทั่วประเทศที่เปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังมุสลิมได้ร่วมปฏิบัติศาสนกิจถือศีลอด เพื่อให้เป็นไปตามศาสนบัญญัติที่ยิ่งใหญ่ โดยปัจจุบันเรือนจำๆ มีผู้ต้องขังที่นับถือศาสนา อิสลาม จำนวนทั้งสิ้น 122 คน (ชาย 95 คน หญิง 27 คน) จากผู้ต้องขังทั้งหมด 2,204 คน โดยเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของ ผู้ต้องขังที่มีความเป็นพหุวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม นอกจากนี้การถือศีลอดยังส่งผลต่อผู้ปฏิบัติในด้านการพัฒนา บุคลิกภาพ และฝึกความอดทน ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ให้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความเสียสละและรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ได้ตระหนักในคุณค่าและให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้ผู้ต้องขังได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม รวมทั้งการส่งเสริมให้เรือนจำ / ทัณฑสถานต่างๆนำหลักคำสอนทางศาสนามาใช้เป็นเครื่องมือที่สำคัญในกระบวนการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังให้สอดคล้องกับความเชื่อในศาสนาของตน อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคคลในภาคสังคมภายนอก ได้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นกำลังใจแก่ผู้ต้องขังในการทำความดี เปรียบเสมือนอ้อมกอดอันอบอุ่นจากสังคม ที่ยังโอบอุ้มและให้โอกาสผู้ต้องขังได้พร้อมกลับคืนสู่สังคมอีกครั้ง
โดยการจัดศาสนกิจตามโครงการฯ ในครั้งนี้ มีผู้ต้องขังมาเข้าร่วมกิจกรรมละศีลอดและละหมาด จากเรือนจำและทัณฑสถานในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 4 แห่ง รวมทั้งสิ้น 317 คนแบ่งเป็นเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 122 คน เรือนจำกลางพระนครศรี อยุธยา 80 คน ทัณฑสถานวัยหนุ่มพระนครศรีอยุธยา 75 คน และทัณฑสถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา 40 คน ซึ่งถือว่าเป็นการยกระดับการเปลี่ยนแปลงกระบวนการพัฒนาพฤตินิสัยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังที่นับถือศาสนา อิสลามได้พัฒนาทั้งด้านร่างกายและจิตใจ พร้อมกลับสู่สังคมได้อย่างปกติสุข และไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีกสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงยุติธรรมด้านการพัฒนาระบบหรือโปรแกรมการบำบัด แก้ไข ฟื้นฟู และพัฒนาพฤตินิสัยผู้กระทำผิด ที่หลากหลายและมีความเฉพาะเจาะจงในแต่ละกลุ่ม และนโยบาย 8 มิติ ยกระดับสร้างความเปลี่ยนแปลงของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายสหการณ์ เพีชรนรินทร์ มิติที่ 4 พัฒนาพฤตินิสัย แก้ไขผู้ต้องขังให้ตรงกับปัญหาของการกระทำความผิด
สุขุม แก้วกุดั่น อยุธยา