ตำรวจภูธรภาค 1 จับกุมเครือข่ายยาเสพติด ทีมโกดัง เหลือเชื่อ สุพรรณบุรี ยึดยาบ้า 4,564,000 เม็ด พร้อมแท่นปั๊ม และยาบ้า (ผงรออัดเม็ด) หนักประมาณ 18 กิโลกรัม มูลค่ารวมกว่า 76,500,000 บาท
วันพฤหัสบดีที่ 2 พ.ค.2567 เวลา 13.00 น. ณ บริเวณหน้าห้องประชุมอมรวิวัฒน์ อาคารอเนกประสงค์ ตำรวจภูธรภาค 1 : นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี แล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผช.ผบ.ตร., พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 พร้อมคณะฯ ร่วมแถลงข่าวจับกุมยาเสพติด พร้อมของกลาง ยาบ้า 4,564,000 เม็ด มูลค่ากว่า 76,500,000 บาท
ตามนโยบายรัฐบาลของนาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี,นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นาย อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง และพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งระบบ ด้วยการสืบสวนขยายผลและวิเคราะห์ ความเชื่อมโยงเครือข่ายของนักค้ายาเสพติด อย่างรู้เท่าทัน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาตั้งแต่ ต้นทาง–กลางทาง–ปลายทาง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. จึงสั่งการให้มีการสืบ สวนสอบสวนขยายผลจากกรณีจับกุมยาเสพติดรายสำคัญทุกราย รวมถึงวิเคราะห์ความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มผู้ผลิต นำเข้า ผู้ลำเลียง ผู้จัดเก็บ ผู้จำหน่าย และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนเข้ามาถึงพื้นที่ตอนในของประเทศ
ตำรวจภูธรภาค1 โดย พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1 และ พ.ต.อ.วิศิษฎ์ มะอักษร รอง ผบก.สส.ภ.1 /บช.ปส. โดย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล รอง ผบช.ปส.,พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต. ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส. /ตำรวจภูธรภาค 7 โดย พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7, พ.ต.อ.อภิชิต สุรพินิจ รอง ผบก.สส.ภ.7 และ พ.ต.อ.จอม สิงห์น้อย ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.7 /ขกท. โดย พล.ต.อาทิตย์ ม่วงเล็ก ผบ. ขกท. /ขกท.ศปก.นสศ. โดย พ.อ.สุพจน์ สวาคฆพรรณ ผบ.ขกท.ศปก.นสศ. /ผู้ทรงคุณวุฒิอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล กระทรวงมหาดไทย/ ภ.จ.สระบุรี โดย พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จ.สระบุรี, พ.ต.อ.เกษดา วัชรานนท์ รอง ผบก.ภ.จ.สระบุรี และพ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จ.สระบุรี/หัวหน้าชปส.ศอ.ปส. ภ.1 ชุดที่ 2 /ภ.จ.สุพรรณบุรี โดย พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผบก.ภ.จ. สุพรรณบุรี, พ.ต.อ. เฉลิมวุฒิ วงษ์เวียงจันทร์ รอง ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี, พ.ต.อ.ยิ่งยศ เขินอำนวย รอง ผบก.ภ.จ. สุพรรณบุรี, พ.ต.อ.พีระ อัศวพิบูลย์ผล ผกก.สส.ภ.จ.สุพรรณบุรี และสำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 1 โดยนางจีระพรรณ กาญจนประดิษฐ์ ผอ.ปปส.ภาค 1 และว่าที่ร้อยตรีอากาศ ปานแย้ม ผู้เชี่ยวชาญฯ ปปส. ภาค 1, ร.ต.อ.เขตรัฐ ชาญศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานอำนวยการกองรักษาดินแดน คณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล กระทรวงมหาดไทย และ ร.ต.ทองปอนด ถาวรสถิต เลขานุการและคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล กระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกนายในสังกัดบูรณาการร่วมกันสืบสวนจับกุมบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด
สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 2 และเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ได้ร่วมกันทำการจับกุมนายสนธยา หรือสน พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 1,490,000 เม็ด ที่บริเวณถนนสายบางบัวทอง – สุพรรณบุรี ฝั่งมุ่งหน้าไปอำเภอบางบัวทอง หมู่ 3 ตำบลหน้าไม้ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี จากการสืบสวนขยายผลจากการจับกุมดังกล่าวทำให้ทราบว่ามีกลุ่มผู้กระทำผิดที่ทำหน้าที่รับยาเสพติดจาก กลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือแล้วมาเก็บไว้ในพื้นที่ภาคกลางเพื่อรอจำหน่าย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้รับคำสั่งให้สืบสวนจับกุมให้จงได้
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้รับยาเสพติดจาก ผู้ลำเลียงได้นำมายาเสพติดมาซุกซ่อนไว้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 93/10 หมู่ 6 ตำบลสระ แก้ว อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ด้านหน้าติดถนน ส่วนด้านหลังเป็นโรงสีร้าง จึงได้กระจายกำลังกันเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 19.20 นาฬิกา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียน ชพ 4532 ขับเข้าไปจอดที่บริเวณโรงสีร้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปแสดงตนเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่นายสมประสงค์ หรือเอก ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ได้วิ่งลงจากเข้าไปภายในบริเวณบ้านเลขที่ 93/10 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ติดตามไปควบคุมตัวไว้ได้ และเข้าตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 93/10 พบนายทัชชกร หรือโหน่ง ซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณชั้น 4 ของบ้านเลขที่ 93/10 จึงควบคุมตัวไว้ และพานำตรวจค้น
ผลการตรวจค้น พบของกลางดังนี้
- ยาบ้าจำนวน 4,298,000 เม็ด อยู่ภายในรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่น ฟีด ติดแผ่นป้ายทะเบียน 2 กภ 9284 พบจอดอยู่บริเวณโรงสีร้างหลังบ้านเลขที่ 93/10
- ยาบ้าจำนวน 136,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้ที่นั่งภายในหัวเก๋งของรถยนต์บรรทุกสิบล้อ ที่อยู่บริเวณโรงสีร้างหลังบ้านเลขที่ 93/10
- ยาบ้าลักษณะเป็นผงบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส น้ำหนักประมาณ 6 กิโลกรัม อยู่ในห้องซึ่งสร้างอยู่บริเวณหลังบ้านเลขที่ 93/10
- ยาบ้าจำนวน 130,000 เม็ด และยาบ้าลักษณะเป็นผงบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส น้ำหนักประมาณ 12 กิโลกรัม โดยวางรวมอยู่กับเครื่องปั่นเม็ดยา อยู่บริเวณหลังบ้านเลขที่ 93/10
- เครื่องอัดเม็ดยา จำนวน 1 เครื่อง ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องชั้น 3 ของบ้านเลขที่ 93/10
- รถยนต์กระบะแบบแคป ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียน กจ 1025 จำนวน 1 คัน พบจอดอยู่บริเวณโรงสีร้างหลังบ้านเลขที่ 93/10
- รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียน ชพ 4532 พบจอดอยู่บริเวณโรงสีร้าง หลังบ้านเลขที่ 93/10
รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ 4,564,000 เม็ด และยาบ้า (ผงรออัดเม็ด) หนักรวมประมาณ 18 กิโลกรัม
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตัว จึงได้จับกุมตัวนายสมประสงค์หรือเอก และนายทัชชกร หรือโหน่ง พร้อมยึดของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเพื่อให้ดำเนินคดี โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายต่อสาธารณะชน”
การจับกุมในครั้งนี้ เป็นการยับยั้งการแพร่กระจายของยาเสพติดไปสู่ประชาชนได้เป็นจำนวนมากซึ่งยาเสพติดของกลางหากถูกนำออกขายสู่ท้องตลาดจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 76,500,000 บาท และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะขยายผลถึงกลุ่มลูกค้า ผู้สั่งการ และบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด รวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด โดยจะนำมาตรการสมคบ สนับสนุนช่วยเหลือ ฟอกเงิน และยึดทรัพย์สิน มาใช้ดำเนินการกับบุคคล ในเครือข่ายยาเสพติดต่อไป
ขอประชาสัมพันธ์ประชาชน หากพบบุคคล รถ และสถานที่ต้องสงสัย หรือมีข้อมูลการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดสามารถติดต่อให้ข้อมูลได้ที่สถานีตำรวจที่ท่านสะดวก หรือ สายด่วน 191 เพื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำข้อมูลดังกล่าวไปสืบสวนขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน