“มโหฬาร” ตำรวจ ปส. แถลงผลจับกุมและปูพรมปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายรายสำคัญ ยึดยาบ้ากว่า 33 ล้านเม็ด
ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. /รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. มุ่งปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ และขยายผลเครือข่ายที่จับกุมได้ทุกระดับอย่างจริงจังทุกพื้นที่รวมทั้งการขยายผลเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ทั้งของผู้ค้า ผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนเครือข่ายทั้งหมดมาตรวจสอบ
วันที่ 3 พ.ค.2567 เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ฯ, พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และพล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. ร่วมแถลงผลการสกัดกั้นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ (นักบินตายแทน) ในห้วงเทศกาลสงกรานต์ได้จำนวน 8 เครือข่าย, ผู้ต้องหา 22 คน, ตรวจยึดยาบ้า 32,386,000 เม็ด และไอซ์ 4.5 กก., ตรวจยึดรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุได้ 15 คัน แล รถจักรยานยนต์ 2 คัน, ยึดทรัพย์รวม 5,620,000 บาท โดยจะเรียงลำดับจากหน่วยที่มีการตรวจยึดปริมาณยาเสพติดจำนวนมากที่สุด ตามลำดับดังนี้
1.บก.ปส.3
คดีแรก ตำรวจ กก.2. บก.ปส.3 สืบสวนทราบว่าจะมีกลุ่มเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดยใช้รถพิกอัพ กระทั่งกลางดึกวันที่ 19 เม.ย.2567 พบรถพิกอัปเป้าหมาย 3 คัน บรรทุกสิ่งของลักษณะเป็นกระสอบจำนวนมาก บริเวณกระบะท้ายรถพิกอัป 2 คัน และขับติดตามกันเป็นขบวนมุ่งหน้า ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยมีรถจักรยานยนต์หลายคันขับนำทาง ในทิศทางหลบเลี่ยงด่านตรวจยาเสพติดแก่งปันเต๊า ต.แม่นะ อ.เชียงดาว กระทั่งเวลา 01.40 น. ของวันที่ 20 เม.ย.2567 สามารถจับกุม นายวิจิตร ได้ที่ริมถนนโยธาธิการเชียงใหม่ ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ตรวจค้นรถพิกอัปพบยาบ้ารวมจำนวน 14,648,000 เม็ด ส่วนผู้ต้องหา 1 คน ที่อาศัยความมืดหลบหนีไปได้ สามารถรถติดตามจับ กุมที่บริเวณภายในเทศบาลตำบลอินทขิล ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ คือ นายโกเอ๋อ
คดีที่ 2 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 สืบสวนทราบว่า นายหน่อคำ พร้อมพวก จะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ไปส่งต่อให้กับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง โดยการอำพรางด้วยพืชผลทางการเกษตร ตำรวจจึงจัดชุดเฝ้าติดตาม กระทั่งวันที่ 7 เม.ย.2567 เวลา 22.50 น. พบ บริเวณกระบะท้ายของรถยนต์ที่เฝ้าระวังมีการบรรทุกกล้วยน้ำว้าดิบมาเต็มคันรถ ขับมุ่งหน้าไปทาง จว.ลำพูน ต่อมาวันที่ 8 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 00.15 น. ก่อนถึงด่านตรวจแม่ทา ต.ทาสบเส้า อ.แม่ทา จ.ลำพูน ประมาณ 300 เมตร เจ้าหน้าที่พบรถต้องสงสัยชะลอความเร็วและจอดชิดข้างถนน จากนั้นนายหน่อคำ ได้ลงมาจากรถและมีรถยนต์ขับมารับตัวแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งเวลา 01.30 ของวันเดียวกัน ตำรวจสกัดจับรถเก๋งได้ที่ด่านตรวจแม่ทา ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ – ลำปาง ต.ทาสบเส้า อ.แม่ทา ตรวจค้นรถพิกอัป พบยาบ้ารวม 5,800,000 เม็ด
คดีที่ 3 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 สืบสวนจนทราบว่า นายสมศักดิ์ พร้อมพวก จะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ชายแดน จว.เชียงใหม่ ไปส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ตอนในของประเทศ โดยใช้รถยนต์ ตำรวจจึงเฝ้าระวังความเคลื่อนไหว กระทั่งช่วงบ่ายของวันที่ 19 เม.ย.2567 พบรถยนต์ที่เฝ้าระวัง 2 คัน ขับนำกันไปตามถนนหมายเลข 11 (ซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่–ลำปาง) มุ่งหน้า จ.ลำพูน และตำรวจสกัดจับรถยนต์ 1 คัน ได้บริเวณด่านตรวจแม่ทา ต.ทาสบเส้า อ.แม่ทา จ.ลำพูน ภายในรถพบ นายสมศักดิ์ เป็นผู้ขับขี่ รับสารภาพว่าในรถมียาเสพติดจริง จึงนำตำรวจไปตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในช่องลับภายในรถจำนวน 95 แพค รวม 558,000 เม็ด และเวลาประมาณ 17.30 น. ของวันเดียวกัน ตำรวจติดตามรถยนต์อีก 1 คัน และได้จับกุมนายสมรักษ์ ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ จากตำรวจได้ขยายผลไปตรวจยึดยาเสพติด คือยาบ้า 2,442,000 เม็ด และไอซ์ น้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม ได้ที่บ้านเลขที่ 7/2 หมู่ 7 ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ต่อมาวันที่ 21 เม.ย.2567 เวลา 14.00 น.ขยายผลจับกุม นายเอื้อน และ น.ส.ณชนก ซึ่งเป็นบุคคลในกลุ่มเครือข่ายได้อีก 2 คน บริเวณถนนกระดานป้าย – ดงจังหัน หมู่ 2 ต.เนินขี้เหล็ก อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ รวมยาบ้า 3,000,000 เม็ด ไอซ์ 4.5 กิโลกรัม
คดีที่ 4 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 สืบสวนจนพบว่าได้มีเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติด นำของมาพักคอยในพื้นที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ตอนของประเทศ ตำรวจจึงเฝ้าดู กระทั่ง วันที่ 29 มี.ค.2567 ทราบว่าจะส่งมอบยาเสพติดช่วงดึกของวันเดียวกัน จนพบนายเหยา ขับรถยนต์ต้องสงสัยออกมาจากบ้านหนองเต่า ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ลักษณะบรรทุกสิ่งของมีน้ำหนัก โดยมีนายจะหา ขับขี่รถจักรยานยนต์ ตามหลังออกมาด้วย ก่อนไปจอดบริเวณแยกตลาดน้ำใจ ถนนเลี่ยงเมืองฝาง หมู่ 7 ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้นทันที ขณะนั้นนายเหยา ได้เปิดประตูรถวิ่งหลบหนีไปได้ ขณะเดียวกันตำรวจอีกส่วนหนึ่งได้เข้าสกัดรถจักรยานยนต์ ของนายจะหา และนำตัวมาตรวจค้นรถยนต์พบยาเสพติด 20 กระสอบ เป็นยาบ้ารวม 2,000,000 เม็ด
คดีที่ 5 ตำรวจ กก.3 บก.ปส.3 พบความเคลื่อนไหมของ นายณรงค์ศักดิ์ และพวก จะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ไปส่งในพื้นที่ อ.บ้านตาก จว.ตาก โดยใช้รถตู้ กระทั่งวันที่ 31 มี.ค.2567 พบรถต้องสงสัยขับอยู่บนถนนพหลโยธินบริเวณหน้าโรงพยาบาลบ้านตาก เลี้ยวขับไปตามเส้น อ.บ้านตาก – อ.แม่ระมาด ไปจอดอยู่ภายในบริเวณวัดพระบรมธาตุตาก วัดหลวงพ่อทันใจ) จากการเฝ้าดูของตำรวจ พบนายณรงค์ศักดิ์ ลงมาจากรถฝั่งคนขับเดินมาเปิดประตูด้านข้างห้องผู้โดยสาร จากนั้นรื้อผนังรถตู้ภายในห้องโดยสาร แล้วหยิบสิ่งของออกจากจุดที่รื้อลักษณะเป็นก้อนห่อหุ้มด้วย ฟรอยสีเงิน ส่งให้ น.ส.นิตยา ใส่ลงลังกระดาษสี่เหลี่ยมภายในห้องโดยสารรถตู้ ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ พบยาบ้ารวม 698,000 เม็ด
คดีที่ 6 จากการเฝ้าระวังบุคคลเป้าหมายของ ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 คือ นายจักรพันธ์ กับพวกพบว่าจะใช้รถกระบะตู้ทึบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.เชียงราย ลงไปพื้นที่ภาคกลาง จนวันที่ 25 เม.ย.2567 พบความเคลื่อนไหวของนายจักรพันธ์ ขับรถยนต์เข้าพักที่รีสอร์ท ในพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย และพบรถกระบะตู้ทึบ 3 คัน เข้าพักที่เดียวกัน จากนั้นวันที่ 27 เม.ย.2567 ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดได้มาเข้าพักในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย กระทั่งออกเดินทาง ในเช้าวันที่ 28 เม.ย.2567 ชุดจับกุม จึงประสานกำลังตำรวจประจำด่านตรวจปูแกง สภ.พาน ทำการหยุดรถเพื่อตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 คน ตรวจค้นรถ พบยาบ้า 300,000 เม็ด ที่ ระหว่างนั้นได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง อ.งาว เข้าจับกุม นายจันทวาส ซึ่งทำหน้าที่ขับรถยนต์สำรวจเส้นทางล่วงหน้า ได้บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.งาว
2.บก.ปส.2
คดีที่ 7 ตำรวจ กก.1 บก.ปส.2 ได้ขยายผลเครือข่าย Vuitton และพบว่ายังมีรถในเครือข่ายที่ใช้ลำเลียงยาเสพติด ตำรวจจึงเฝ้าติดตามเครือข่ายดังกล่าว จนวันที่ 28 มี.ค.2567 พบรถกระบะ หมายเลขทะเบียน ฒษ-35xx กทม. ซึ่งจะเดินทางจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร ขึ้นไปยังพื้นที่ภาคอีสาน ด้าน จ.บึงกาฬ จึงสะกดรอยติดตาม ต่อมา วันที่ 29 มี.ค.2567 พบรถเป้าหมายวิ่งบน ถ.ชยางกูร ในพื้นที่ ต.ชัยพร อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ แล้วใช้เส้นทางมุ่งหน้ากลับเข้าพื้นที่ตอนในโดยใช้เส้นทางรองผ่าน จ.บึงกาฬ-จ.สกลนคร-จ.อุดรธานี-จ.กาฬสินธุ์ – จ.มหาสารคาม โดยระหว่างการติดตามพบว่ารถคันดังกล่าวมีการใช้ถนนเส้นทางรองเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทั่งเวลา 01.20 น. ของวันที่ 30 มี.ค.2567 ขณะที่ติดตามรถเป้าหมายจนถึงบริเวณสี่แยกสัญญาณไฟจราจร บ้านวังยาว ถ. ถีนานนท์ ต.เกิ้ง อ.เมืองมหาสารคาม จ.มหาสารคาม ตำรวจจึงแสดงตัวเพื่อจับกุมพบ นายหัสดี คนขับ และ นายพอเจตน์ นั่งข้างคนขับ ตรวจค้นด้านหลังกระบะ พบยาบ้า 5,250,000 เม็ด วางอยู่ท้ายรถ สอบถามผู้ต้องหา สารภาพว่าถูกว่าจ้างให้ขับรถยนต์ไปลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.บึงกาฬ ไปส่งยังพื้นที่ภาคกลาง จ.สมุทรปราการ
3.บก.สกส.
คดีที่ 8 ตำรวจ บก.สกส. ร่วมกับ ตำรวจ บก.ขส. สืบทราบว่า นายปานวิไชย ซึ่งมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด และนายอำพล จะร่วมกันลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนไทย-ลาว ด้าน จ.หนองคาย นำมาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑล กระทั่งช่วงดึกของวันที่ 26 เม.ย.2567 ตำรวจได้จับกุม นายปานวิไชย ได้ที่บริเวณริมถนนสายเอเชียฝั่งขาเข้า ต.ตลาดกรวด อ.เมือง จ.อ่างทอง พร้อมของกลางยาบ้า 690,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์หมายเลขทะเบียน 3กม 19xx กทม. จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ตามกฎหมาย และขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายและ ยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป
สำหรับ การปราบปรามยาเสพติดในห้วง 7 เดือน ที่ผ่านมา ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566–1 พ.ค. 2567 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญได้ 762 คดี, ผู้ต้องหา 1,080 คน, ของกลางเป็นยาบ้า 220,458,033 เม็ด 4,822 กก. /เฮโรอีน 262 กก. /คีตามีน 1,971 กก. และยาอี 550 เม็ด, ยึดอายัดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบมูลค่าประมาณ 1,097 ล้านบาท
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน