หลายท่านคงทราบถึงภารกิจสำคัญของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป้าหมายหลักคือ การเตรียมประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 โดยมีภารกิจสำคัญ 3 เรื่อง คือ การสร้างและพัฒนาคน การวิจัยเพื่อสร้างความรู้ และการสร้างและพัฒนานวัตกรรม และตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2562 “สำนักงาน การวิจัยแห่งชาติ (วช.)” มีฐานะเป็นส่วนราชการภายในกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โดยมีภารกิจสำคัญด้านการสนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรมหลักของประเทศ จากบท บาทดังกล่าว วช. จึงได้มีการดำเนินการสนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ในหลากหลายประเด็นสำคัญของประเทศ และหนี่งในประเด็นที่สำคัญ คือการสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อการตอบโจทย์ เรื่องการ “สร้างคน” สอดคล้องกับ การดำเนินงานที่ผ่านมาของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) หรือ สำนักงานกองทุนสนับ สนุนการวิจัย (สกว.) เดิม
ซึ่งได้จัดตั้งโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) มากว่า 20 ปี โดยสร้างนักวิจัยระดับปริญญาเอกที่มีคุณภาพสูงให้กับประเทศ และ “สร้างปัญญา” ด้วยการผลิต ผลงานวิจัยที่ได้มาตรฐานสากล และยังสร้างความเข้มแข็งให้กับหลักสูตรและระบบบัณฑิตศึกษา ตลอดจนระบบวิจัยในมหาวิทยาลัยไทย อีกทั้งทำให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือระหว่างนักวิจัยไทยกับสถาบันต่างประเทศทั่วโลก อย่างต่อเนื่อง
และได้ดำเนินการมาถึงปัจจุบัน คปก. รุ่นที่ 22 และ วช.ได้ดำเนินการรับโอนการบริหารจัดการ ทุน คปก. รุ่นที่ 22 แล้วเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพื่อการดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน เรื่องการสร้างกำลังคนด้านการวิจัยของของประเทศไทยให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างความเชื่อมโยงและ ความเข้มแข็งทางวิชาการแก่หน่วยงานภาครัฐ กับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อการขับเคลื่อนไปด้วยกันทั้งประเทศ
โดยในวันนี้ วันพฤหัสบดีที่ 24 ต.ค. 62 : ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนัก งานการวิจัยแห่งชาติ พร้อมด้วย ศ.นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ร่วมกันแถลงข่าวความร่วมมือในการดำเนินการส่วนของภารกิจทุนโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) รุ่นที่ 20 จำนวน 227 ทุน และรุ่นที่ 21 จำนวน 221 ทุน จาก สกสว. ส่งมอบให้ วช. เพื่อดำเนินการบริหารจัดการทุน คปก. รุ่นที่ 20 และ 21 รวม 448 ทุน ต่อไป “อย่างไร้รอยต่อ” โดย วช. และ สกสว. ย้ำพร้อมจับมือ ผนึกกำลังบูรณาการทำงานร่วมกันสร้างโจทย์และกำหนดทิศทางการพัฒนากำลังคน เพื่อประโยชน์สูงสุด ของประเทศต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน