วช.โดยศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลไม้ ร่วมกับ สถานความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดอบรมการผลิตทุเรียนหมอนทองเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง แก่เกษตรกรรุ่นใหม่ อย่างครบวงจร หวังรองรับได้ทันกับการขยายตัวของผลผลิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัว โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมการอบรมทั้งออนไซต์และออนไลน์ กว่า 200 คน
ที่ห้องประชุม คณะเกษตรศาสตร์และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก วันที่ 14 มิถุนายน 2567 รศ.ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท ผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญเทคโน โลยีหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลไม้ และผู้อำนวยการสถานความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานเปิดการอบรมการผลิตทุเรียนหมอนทองเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง โดยมีเกษตรกรรุ่นใหม่ที่สนใจเข้ารับการอบรมทั้งในแบบวอล์คอิน ออนไซต์ และแบบออนไลน์ รวมประมาณ 200 คน
รศ.ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท เปิดเผยว่า (วช.) ได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้ดูแลศูนย์รวมผู้เชี่ยว ชาญด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลไม้ ครอบคลุมผลไม้ 7 ชนิด ได้แก่ มะม่วง, มังคุด, กล้วย, ลำไย, ทุเรียน ,ส้มโอ และมะยงชิด โดยให้การสนับสนุนทุนวิจัยต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 การอบรมถ่ายทอดความรู้ในการผลิตทุเรียนหมอนทองเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 หลังจากได้ดำเนินการครั้งแรกที่จังหวัดสุโขทัย ได้รับการตอบรับจากเกษตรกรรุ่นใหม่ เนื่องจากการปลูกทุเรียนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างเป็นที่สนใจอย่างมาก ทั้งที่พิษณุโลก, พิจิตร, เพชรบูรณ์, อุตรดิตถ์, แพร่ และ สุโขทัย ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกทุเรียนประมาณ 50,000 ไร่ เชื่อมโยงไปถึงภาคเหนือตอนบน
โดยขณะนี้มีการจัดตั้งล้งรับซื้อทุเรียนขึ้นที่อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มีกำลังการรับซื้อทุเรียนปีละ 24,000 ตัน เมื่อทุเรียนระยอง, จันทบุรี, ตราด หมด สามารถมารับซื้อทุเรียนที่อุตรดิตถ์เพื่อส่งออกไปทางลาว, เวียดนาม และจีน ได้เลย ถือเป็นแหล่งผลิตทุเรียนแห่งใหม่ที่พ่อค้าจีนสนใจ เนื่องจากกรมวิชาการเกษตรได้เข้ามาดูแลเรื่องคุณภาพ และการส่งออกให้เป็นไปตามมาตรฐาน จึงเป็นพื้นที่ขยายการผลิตทุเรียนที่มีแนวโน้มก้าวกระโดด จากปีที่ผ่านมาที่มีการส่งออก 24,000 ตัน และคาดว่าจะมีแนวโน้มขยายการผลิตเพิ่มขึ้นได้อีก2-3 เท่าตัว
“จุดเด่นของทุเรียนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง คือ เป็นทุเรียนที่มีผลผลิตหลังจากทุเรียนระยอง,จันทบุรี และ ตราดหมดแล้ว เป็นทุเรียนคุณภาพเพื่อการส่งออก และมีทุเรียนหลินลับแล หลงลับแลเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจสูงมาก ราคาต่อหน่วยในช่วงต้นฤดูสูงถึงกิโลกรัมละ 400 บาท ตอนนี้ลงมา 300 บาท ยิ่งหลินลับแลราคาสูงถึง 400-600 บาท แต่ผลิตผลน้อย แนวโน้มส่วนใหญ่จึงหันมาปลูกหมอนทองซึ่งให้ผลผลิตขายได้ราคาตลอดปี”
สำหรับกรอบการอบรมเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้แก่เกษตรกรผู้สนใจจะเริ่มตั้งแต่การเลือกพื้นที่ วิธีปลูก การดูแลรักษา การจัดการ การดูแลหลังเก็บเกี่ยว จนถึงการส่งออก เรียกว่าเป็นองค์ความรู้ครบวงจร โดยหลังจากอบรม ศูนย์ผู้เชี่ยวชาญฯซึ่งประกอบด้วย 18 สถาบันและมีผู้เชี่ยวชาญ 39 คน พร้อมที่จะติดตามผล ลงพื้นที่ให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาต่างๆตามหลักวิชาการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย รวมทัังมีสื่อโซเชี่ยลให้ติดตามความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
ในตอนท้าย ผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลไม้ กล่าวว่า เกษตรกรหน้าใหม่ที่สนใจจะผลิตทุเรียนเชิงพาณิชย์จะต้องเริ่มจากความตั้งใจจริง มีการดูแลทุกขั้นตอนในการปลูกทุเรียนตั้งแต่ต้น และลงมือทำ จุดเริ่มต้นที่ดีเป็นจุดสำคัญ และต้องดูแลใส่ใจ โดยเฉพาะขณะนี้สภาวะโลกร้อน สภาพอากาศเปลี่ยนเป็นปัญหาสำคัญของชาวสวนทุเรียน ส่วนเรื่องคู่แข่ง อย่างเวียดนามที่มีกระแสข่าวช่วงนี้ว่าจะทำให้ไทยสูญเสียตลาดจีน ยืนยันได้เลยว่า เวียดนามไม่ใช่คู่แข่งของไทย ในฐานะที่เคยอยู่เมืองจีน และเป็นที่ปรึกษาให้ สำหรับจีนแล้วทุเรียนพรีเมียมคือทุเรียนไทยเท่านั้น ทุเรียนเวียดนาม คนจีนมองเป็นอันดับสอง ลู่ทางการส่งออกทุเรียนไทยจึงยังดีอยู่แน่นอน
#ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลไม้ #สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ #สถานความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว #มหาวิทยาลัยนเรศวร
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน