ข่าวใหม่อัพเดท » นายกรัฐมนตรี มอบผลิตภัณฑ์จากจังหวัดลำพูน เป็นของที่ระลึกให้กับ นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรภูฏาน

นายกรัฐมนตรี มอบผลิตภัณฑ์จากจังหวัดลำพูน เป็นของที่ระลึกให้กับ นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรภูฏาน

27 มิถุนายน 2024
0

นายกรัฐมนตรี มอบผลิตภัณฑ์จากจังหวัดลำพูน เป็นของที่ระลึกให้กับ นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรภูฏาน

วันนี้ 26 มิ.ย. 67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบผลิตภัณฑ์รูปปั้นม้า 2 ตัว จาก “เตาชวนหลง” ตำบลริมปิง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เป็นของที่ระลึกให้กับ นายดาโช เชริง โตบเกย์ นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรภูฏาน และภริยา ในโอกาสที่เข้าหารือแบบเต็มคณะร่วมกันระหว่าง นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรภูฏาน และไทย ร่วมผลักดันความร่วมมือหลากหลายมิติ พร้อมส่งเสริมการค้าการลงทุน – ศักยภาพทางการเกษตร – การศึกษา – เชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างกัน ณ ห้องสีงาช้าง (ด้านนอก) ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้ ด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองฝ่ายยินดีกับการประกาศเริ่มเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างกัน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าจะช่วยสร้างโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายเข้าถึงตลาดได้มากขึ้น ตั้งเป้าหมายมูลค่าการค้าที่ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเห็นพ้องที่จะผลักดันการสรุปผลเจรจา FTA ภายในปี 2025 ขณะที่นายกรัฐมนตรีภูฏานกล่าวว่า ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของภูฏาน จึงเห็นถึงโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยสามารถร่วมมือจัดตั้งธุรกิจผ่าน FDI และกิจการร่วมค้าในภูฏาน และขยายช่องทางการค้าไปยังอินเดียได้

ด้านโอกาสการลงทุนในโครงการเมืองอัจฉริยะ Gelephu Mindfulness City (GMC) นายกรัฐมนตรีภูฏานนำเสนอถึงศักยภาพของโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภูฏาน ติดกับประเทศอินเดีย โดยมีแผนการก่อสร้างโครงการใหญ่ อาทิ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศแห่งใหม่ เส้นทางคมนาคม และจะเป็นเมืองอัจฉริยะแห่งแรกของภูฏาน โดยไทยพร้อมที่จะสำรวจโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนสำหรับภาคเอกชนไทยที่สนใจ โดยเฉพาะในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การค้าปลีก การดูแลสุขภาพ และเทคโนโลยีการเกษตร โดยปัจจุบันมีบริษัทไทยบางส่วนเข้าร่วมลงทุนในโครงการ GMC แล้ว และยังให้ความสนใจที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองแบบองค์รวม (Urban development) ภายในพื้นที่โครงการ GMC ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า โครงการนี้จะทำให้ภูฏานเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งใหม่ที่มีเครือข่ายของระบบนิเวศที่ยั่งยืนได้

ด้านการเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตร เห็นพ้องที่ส่งเสริมสินค้าเกษตรอินทรีย์ของภูฏานเข้าสู่ตลาดในไทย โดยไทยยินดีที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีด้านการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร การเกษตรอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มมูลค่าและยกระดับผลผลิตทางการเกษตรให้แก่ภูฏาน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีภูฏานได้กล่าวถึงความสำเร็จของโครงการผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Gewog One Product – OGOP) ของภูฏาน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากผลิตภัณฑ์ OTOP ของไทย ขณะที่นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า ผลิตภัณฑ์ OGOP จะช่วยสร้างโอกาสให้กับชุมชนท้องถิ่นเช่นเดียวกับไทย และยินดีช่วยนำเสนอผลิตภัณฑ์ OGOP ในตลาดไทยมากขึ้น

ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายพร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันเพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระดับประชาชน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ และการท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community-based Tourism : CBT)

ด้านพลังงานสะอาด นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาล คือ การมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2050 และการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ภายในปี 2065 ซึ่งภูฏานมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและส่งออกพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยนายกรัฐมนตรีภูฏานยินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ด้านการศึกษา ทั้งสองฝ่ายหารือถึงแนวทางการจัดทำโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาร่วมกัน โดยนายกรัฐมนตรีภูฏานขอบคุณสำหรับการสนับสนุนทั้งด้านการให้ทุนการศึกษา ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย ตลอดจนการจัดฝึกอบรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริการสาธารณะ ซึ่งไทยถือเป็นอีกจุดหมายปลายทางด้านการศึกษาของนักศึกษาภูฏาน โดยไทยพร้อมให้การสนับสนุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งแนวทางในการจัดทำวีซ่าสำหรับนักศึกษาที่จะอยู่และทำงานในไทยภายหลังสำเร็จการศึกษา เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ให้แก่นักศึกษา

ด้านสาธารณสุข ทั้งสองฝ่ายพร้อมสานต่อความร่วมมือด้านการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะในโครงการพัฒนาด้านการผ่าตัดปลูกถ่ายไตให้แก่โรงพยาบาล Jigme Dorji Wangchuck National Referral Hospital (JDWNRH) เมื่อปี 2566 ซึ่งถือเป็นการผ่าตัดปลูกถ่ายไตครั้งแรกในภูฏาน และโครงการพัฒนาบริการทางการแพทย์เพื่อการรักษาหู จมูก และคอ ซึ่งไทยได้มีการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับภูฏานในการสร้างขีดความสามารถให้กับบุคลากรทางการแพทย์ชาวภูฏาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีภูฏานแสดงความยินดีและขอบคุณสำหรับความร่วมมือดังกล่าว


นที มีเดช รายงาน

error: Content is protected !!