อุทัยธานี – ปมที่ดิน สี่พี่น้องร้องสื่อ!! ฝ่ายตรงข้ามบุกรุกพื้นที่ ปิดทางเดินสาธารณะ อีกฝั่งโต้กลับแค่ปลูกพืชไว้กิน อ้างไม่ใช่ที่ของฝ่ายตรงข้าม รอศาลสรุป
เมื่อเวลา 15.00.น.ของวันที่11ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางยุพิน อายุ 63 ปี พร้อมน้องๆ รวมสี่คน อยู่บ้านหมู่ 14 ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ได้เปิดเผยว่า ถูกนาย สุธน อายุ 70 ปี บุกรุกพื้นที่นาไร่ของตนเอง ที่หมู่ 8 บ้านหนองแขม ต.ประดู่ยืน อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นที่เก่าดั้งเดิมของแม่ตนเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้าแจ้งความไว้สภ.ลานสัก ในวันที่ 13 พ.ค.2567 ว่าถูกนายสุธน คู่กรณี ได้นำรถแทรกเตอร์คูโบต้าจำนวน 1 คันเข้ามาไถที่ดินแปลง ที่อยู่ระหว่างพิพาทแปลงดังกล่าว ได้ยื่นใบนัดรังวัดไว้กับเจ้าหน้าที่ที่ดิน แต่ถูกนายสุธน ได้ดำเนินการไถที่ดินแปลงดังกล่าวซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติเรื่องพิพาทเขตแดนระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอยู่ พร้อมกับนายสุธิน ได้ปิดทางเข้าออกในพื้นที่สาธารณะมาตลอด โดยไม่ให้ใครเข้าออก ทั้งๆที่เป็นสาธารณะ แต่ไม่มาสารถเดินทางเข้าออกได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้เคยไปหาปูหาปลาได้
ล่าสุดวันนี้ตนเองได้แจ้งให้สำนักงานที่ดิน อ.หนองฉาง ลงมาตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าว ว่าที่นายสุธน บุกรุก นั้นเป็นพื้นที่ของตนเองจริงหรือไม่ แต่ทางจนท.ยังสรุปไม่ได้ ต้องรอคำสั่งศาลตัดสินก่อน เนื่องจากทางนางยุพิน ได้ดำเนินการไปแจ้งความทางกฏหมายไว้แล้ว จึงต้องรอคำสั่งศาลก่อน ก่อนที่จะสรุปว่าที่ ที่นายสุธร บุกรุกนั้น เป็นที่สาธารณะหรือเป็นที่ของนางยุพินหรือไม่
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายสุธน คู่กรณี ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ ได้อ้างว่า ที่ดินดังกล่าว เป็นที่ดินของชลประทาน ซึ่งเป็นที่ของหลวง ซึ่งที่ดินนั้น มันติดกับลำคลองและติดกับที่ดินของตนเอง ตนเองเลยใช้สิทธิ์ปลูกพืชไว้กิน โดยใกล้กับหัวไร่ปลายนาของตนเองก็เท่านั้น เนื่องจากตนเองได้ปลูกฝักทองไว้กินเพียงเท่านั้น และยังเชื่อว่าพื้นที่ดินดังกล่าวนั้น ไม่ได้เป็นที่ดินของทางนางยุพินอย่างแน่นอน และที่ผ่านมาทางผู้นำชุมชน ยังได้เคยร่วมกันทำความสะอาดลอกคลอง โดยมีรถหลวงเข้ามาด้วย จนทำให้ตนเองเชื่อว่าเป็นพื้นที่ดังกล่าวนั่น เป็นพื้นที่ของหลวงอย่างแน่นอน และครั้งนี้ตนเองยอมรับว่า ตนเองได้บุกรุกเข้าไปปลูกพืชจริงในที่ของหลวง แต่หากทางหลวงนั้น จะเร่งทำพื้นที่สาธารณะประโยชน์ ตนเองก็พร้อมที่จะออกมา ส่วนเรื่องทางเข้าทางออก ที่ตนเองปิดทางเข้าออกนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นพื้นที่ดินของตนเองซึ่งใกล้กับพื้นที่สาธารณะ ตนเองได้ปิดทางเข้าออกจริง เนื่องจากพื้นดังกล่าวนั้น เป็นทางตัน และป้องกันพวกขี้ยา ที่จะลักลอบเข้าไปข้างใน ซึ่งติดกับพื้นที่ของตนเอง เพื่อเข้าไปขโมยของเพียงเท่านั้น
ทั้งนี้ระหว่างเจรจากัน คู่กรณีทั้งสองฝ่าย ได้วิดวางมวยกันอยู่ที่ทางเข้าทางออก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นที่สาธารณะอีกส่วนหนึ่งเป็นที่ของนายสุทน ซึ่งนายสุธนได้ทำประตูรั่ว ห้ามคนเข้าออก ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้อีกฝั่งหนึ่ง เนื่องจากประตูปิดทางเข้าทางออกส่วนหนึ่งก็เป็นที่ของสาธารณะติดกับที่ของตนเอง จึงเกิดมีปากเสียงกันต่อหน้านักข่าว นักข่าวจึงได้ห้ามไว้ทันดังกล่าว
ภาวิณี ศรีอนันต์ รายงาน