ข่าวใหม่อัพเดท » (DSI) เสนอสำนวนพนักงานอัยการเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน จ.ภูเก็ต

(DSI) เสนอสำนวนพนักงานอัยการเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน จ.ภูเก็ต

25 สิงหาคม 2024
0

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เสนอสำนวนพนักงานอัยการเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน จ.ภูเก็ต

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ.2567 : พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้ พันตำรวจโท อมร หงษ์ศรีทองผู้อำนวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งการให้พันตำรวจตรี นิมิตร พรหมมา รองผู้อำนวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 65/2567-67/2567และคดีพิเศษที่ 69/2567-70/2567 นำสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมตัวผู้ต้องหา จำนวน 5 คนไปยังพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 142

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องมาจากวิทยาลัยเทคนิคถลาง จังหวัดภูเก็ต ได้ร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบพื้นที่ของวิทยาลัยฯ ที่ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ให้ใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน เพื่อจัดตั้งวิทยาลัยฯ เนื่องจากมีบุคคลอ้างต่อวิทยาลัยฯ ว่ามีเอกสารการได้ร้บอนุญาตจากกรมป่าไม้ในการใข้ประโยชน์พื้นที่ดังกล่าวบางส่วนทับซ้อนกัน ซึ่งจากการสอบสวนพบว่ามีกลุ่มบุคคลแสดงตัวโต้แย้งสิทธิการถือครองที่ดินของวิทยาลัยฯ ได้อ้างบัญชีสำรวจตามแบบบันทึกการใช้ที่ดินของบุคคลในพื้นที่ป่าไม้ (ท.ป.4) และบางรายได้เข้าถือครองที่ดินด้วยการซื้อขายที่ดินซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน อันเข้าข่ายเป็นการบุกรุก ยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและที่ดินของรัฐ เข้าลักษณะเป็นการกระทำความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 59/2564 ซึ่งการสอบสวนได้เสร็จสิ้น และมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการแล้ว จำนวน 1 ราย จากการสอบสวนในคดีพิเศษดังกล่าวพบมีผู้กระทำความผิดอีกหลายรายโดยผู้กระทำความผิดต่างคนต่างกระทำความผิด ต่างวาระกัน และไม่มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดร่วมกัน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้อนุมัติให้แยกเลขคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดแต่ละราย โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 65/2567 ถึงคดีพิเศษที่ 72/2567

บัดนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วบางส่วนจึงได้สรุปสำนวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 65/2567 คดีพิเศษที่ 66/2567 คดีพิเศษที่ 67/2567 คดีพิเศษที่ 69/2567และ 70/2567 จำนวน 5 คดี ผู้ต้องหาคดีละ 1 คน รวม 5 คน ในความผิดฐานยึดถือครอบครองทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฐานก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเอง หรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและฐานเข้าไปยึดถือครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย ในที่ดินของรัฐ หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในดิน ตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ส่งสำนวนการสอบสวน พร้อมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปยังพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาการบุกรุกทำลายป่าไม้ ทั้งในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ หรือที่ดินของรัฐ เนื่องจากการทำลายทรัพยากรป่าไม้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพแวดล้อม ภูมิอากาศ อันนำมาซึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านต่างๆ เช่น ปัญหาสภาวะโลกร้อน ปัญหาอุทกภัย เป็นต้น ดังนั้น หากประชาชนพบเห็นการบุกรุกทำลายป่า สามารถแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าวได้ที่กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือเว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ www.dsi.go.th หรือ สายด่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร.1202 (โทรฟรีทั่วประเทศ)


สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน

error: Content is protected !!