ทบ. ร่วมกับทุกภาคส่วนช่วยอุทกภัยภาคอีสาน นำกำลังพลและยุทโธปกรณ์ช่วยเหลือประชาชนในทุกมิติ
จากสถานการณ์ที่ระดับน้ำในแม่น้ำโขง และลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้น จากปริมาณฝนที่ตกหนักและตกสะสมในบริเวณประเทศลุ่มแม่น้ำโขง จนทำให้มวลน้ำโขงเอ่อล้นตลิ่งไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตรที่อยู่บริเวณใกล้เคียงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะใน จ.หนองคาย ตั้งแต่ 14 ก.ย.67 ที่ผ่านมา ซึ่งกองทัพบก โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 2 ได้มอบหมายให้หน่วยทหารในแต่ละพื้นที่ ได้แก่ มณฑลทหารบกที่ 28 รับผิดชอบพื้นที่ จ.เลย, มณฑลทหารบกที่ 24 รับผิดชอบพื้นที่ จ.หนองคาย, มณฑลทหารบกที่ 29 รับผิดชอบพื้นที่ จ.บึงกาฬ, มณฑลทหารบกที่ 210 รับผิดชอบพื้นที่ จ.นครพนม และ จ.มุกดาหาร และมณฑลทหารบกที่ 22 รับผิดชอบพื้นที่ จ.อุบลราชธานีและ จ.อำนาจเจริญ ร่วมติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำกับภาคส่วนต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยได้เตรียมกำลังพลชุดกองร้อยช่วยเหลือประชาชน ที่ประจำการในแต่ละมณฑลทหารบก รวม 64 กองร้อย และกองร้อยบรรเทาสาธารณภัยจากกองพลพัฒนาที่ 2 ร่วมนำยุทโธปกรณ์ของกองทัพบก อาทิ รถยนต์บรรทุก รถบรรทุกน้ำ รถพยาบาล รถครัวสนาม รถผลิตน้ำดื่ม สุขาเคลื่อนที่ รวมทั้งเรือและสะพาน ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดในพื้นที่ จ.เลย ซึ่งเป็นพื้นที่แรกในการรับมวลน้ำโขง ปัจจุบันระดับน้ำเริ่มลดลงต่ำกว่าระดับวิกฤติ ซึ่งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 28 โดยกรมทหารพรานที่ 21, กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 8 และกองร้อยเฉพาะกิจหน่วยทหารพรานที่ 2109 ได้ร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ให้การช่วยเหลือประชาชนทั้งการรับมือกับสถานการณ์น้ำ ด้วยการก่อกระสอบทรายทำพนังกั้นน้ำและขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง รวมทั้งได้เข้าทำความสะอาดดินโคลนและขยะที่มากับน้ำ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ให้ประชาชน
ขณะที่ใน จ.หนองคาย แม้ว่าระดับน้ำในแม่น้ำโขงยังทรงตัวแต่อยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับวิกฤติ (2 เมตร) และปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.รัตนวาปี, อ.เมืองหนอง คาย, อ.ศรีเชียงใหม่, อ.สังคม, อ.ท่าบ่อ และ อ.โพนพิสัย ซึ่งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 24 ได้จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์จากกองพลพัฒนาที่ 2, กรมทหารพรานที่ 21, กรมทหารราบที่ 13, กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 13 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 3, กองพันทหารช่างที่ 201 กรมทหารช่างที่ 2, กองพันทหารช่างที่ 202 กรมทหารช่างที่ 2 และ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดยกองร้อยเฉพาะกิจหน่วยทหารพราน 2110 ลงพื้นที่ก่อกระสอบทรายทำพนังกั้นน้ำ พร้อมนำรถยนต์บรรทุก FTS และเรือยางติดเครื่องยนต์ ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อำนวยความสะดวกด้านการจราจร และลงพื้นที่มอบน้ำดื่มเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับผู้ประสบภัยที่ติดค้างอยู่ในบ้านเรือน รวมทั้งจัดรถครัวสนามประกอบอาหารปรุงสุกแจกจ่ายให้ประชาชน และจัดชุดเสนารักษ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจังหวัด ออกบริการตรวจสุขภาพให้กับประชาชน
ส่วนในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีบริเวณติดริมแม่น้ำโขง อาทิ จ.บึงกาฬ, จ.นครพนม, จ.มหาสารคาม และ จ.อุบลราชธานี นั้น ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของหน่วยทหารในพื้นที่ ได้เตรียมพร้อมรับมือ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งได้จัดกำลังพลร่วมกับส่วนราชการและภาคประชาชนในการเริ่มก่อกระสอบทรายเพื่อเสริมความแข็งแรงของพนังกั้นน้ำริมตลิ่งแม่น้ำโขง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงและลุ่มต่ำ เพื่อป้องกันมวลน้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตร ซึ่งกองทัพบก โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 2 พร้อมนำศักยภาพของเครื่องมือและยุทโธปกรณ์ของหน่วยทหารในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สนับสนุนการช่วยเหลือในทุกพื้นที่เกิดเหตุในทันที และจะยังคงเคียงข้างประชาชน ดูแลฟื้นฟูเร่งคลี่คลายสถานการณ์ให้กับสู่สภาวะปกติโดยเร็วต่อไป
ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก