สคร.9 นครราชสีมา ติดตามข่าว กรณีการระบาดโรคปอดติดเชื้อไม่ทราบสาเหตุ ในเรือนจำ จ.ชัยภูมิ อย่างใกล้ชิด ย้ำชัด!!! ทราบเชื้อก่อโรคแล้ว ยันไม่ใช่เชื้อใหม่
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก รายหนึ่งได้โพสต์ข้อความระบุว่า “เกิดโรคระบาดปอดติดเชื้อ ไม่ทราบสาเหตุในเรือนจำ ความท้าทายทั้งของทีมภูเขียว โรคระบาดในเรือนจำภูเขียวครับ แจ้งไว้แต่เมื่อวาน ปอดติดเชื้อ บางท่านอาจจะยังไม่ทราบไม่ตามดู ไม่มีเจตนาให้แตกตื่นแต่อย่างใด แต่ต้องร่วมมือกับทีม รพ.ครับ ในการควบคุมโรค คนไข้เพิ่มขึ้นเร็วมากจากเรือนจำ 2 วัน รวมถึงตอนนี้ 19 ราย (หนักรุนแรงใส่ท่อ 3 ที่เหลือต้องดมออกซิเจนตลอดเวลา) รบกวนญาติคนไข้ตึกอายุรกรรมชาย งดเยี่ยม หรือนำเด็กมา รพ.เพราะถ้าเกิดกระจายไปชุมชนเป็นเรื่องใหญ่ทันทีครับ งดเยี่ยมญาติผู้ป่วยที่ตึกอายุรกรรมชาย รพ.ภูเขียว เพราะตอนนี้เรากำลังเผชิญกับโรคระบาดปอดติดเชื้อไม่ทราบสาเหตุนะครับ ติดต่อง่ายมากครับ ติดง่ายกว่าโควิด เป็นคนไข้จากเรือนจำ แต่เรากลัวระบาดสู่ชุมชน ของดเยี่ยมนะครับ”
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา ได้ชี้แจงถึงกรณีนี้ว่า จากการลงพื้นที่ของทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ กองโรคติดต่อทั่วไป และกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ใด้รายงานข้อมูล พบว่า เชื้อแบคทีเรียที่ระบาดในเรือนจำดังกล่าวเป็นเชื้อแบคทีเรีย Streptococcal pneumoniae และ เชื้อแบคทีเรีย Hemophilus influenzae ที่ทำให้เกิดอาการปอดอักเสบ ที่พบบ่อยตามสภาพแวดล้อม ซึ่งเชื้อดังกล่าวไม่ใช่เชื้อใหม่ ติดต่อกันได้จากละอองฝอยขนาดเล็กผ่านการไอ จาม โดยเฉพาะบริเวณที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น ห้องเรียน โรงภาพยนตร์ สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์อพยพ โรงแรม หอพัก กองทหาร เรือนจำ เป็นต้น ส่วนใหญ่มักเกิดในผู้มีโรคประจำตัว ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้ที่อยู่ในสถานที่แออัด
ผลการสอบสวนเหตุการณ์ระบาดโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ในเรือนจำจังหวัดชัยภูมิ วันที่ 24 กันยายน 2567 พบมีผู้ป่วยอาการติดเชื้อทางเดินหายใจสะสม 224 ราย มีอาการปอดอักเสบจำนวน 21 ราย ในจำนวนนี้มีอาการรุนแรง 4 ราย ซึ่งทุกรายได้รับการรักษาในโรงพยาบาลตามแนวทางที่เหมาะสม และยังไม่มีผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยทุกรายมีอาการดีขึ้นตามลำดับ สำหรับผู้ป่วย 203 รายที่มีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจเพียงเล็กน้อย ได้รับการเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน กล่าวต่อไป ขอให้ประชาชนมีความตระหนักแต่ไม่ตระหนก รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล โดยหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดที่มีผู้คนรวมตัวเป็นจำนวนมาก ที่มีผู้คนรวมตัวเป็นจำนวนมาก เช่น ในการเดินทางสาธารณะ โรงพยาบาล และสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ หากเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ หากป่วยไม่ควรเข้าใกล้ผู้สูงอายุเพราะเป็นกลุ่มเปราะบางอาจติดเชื้อและมีอาการหนักได้ หากมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
กันตินันท์ เรืองประโคน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค นครราชสีมา