ผู้รับบําเหน็จรายเดือน บุกสภา ยื่นหนังสือขอคืนสิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลให้ลูกจ้างประจําหลังเกษียณอายุราชการ หลังถูกดองไร้การแก้ปัญหานานกว่า 15 ปี
วันที่ 8 ตุลาคม 2567 ที่ห้องโถงแก้ว ชั้น 1 รัฐสภา เกียกกาย นายวิชาญ ชัยชมภู นายก สมาคมลูกจ้างส่วนราชการและผู้รับบำเหน็จรายเดือน พร้อมด้วยตัวแทนชมรมผู้รับบำเหน็จรายเดือนและลูกจ้างส่วนราชการจังหวัดน่าน จ.เชียงใหม่ จ.ตาก จ.เชียงราย จ.แพร่ และกรุงเทพมหานคร ประมาณ 30 คน เข้ายื่นหนังสือขอคืนสิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลให้ลูกจ้างประจําหลังเกษียณอายุราชการ(ผู้รับบําเหน็จรายเดือน) ต่อ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และนางวาสนา ยศสอน สมาชิกวุฒิสภา หลังได้รับความเดือดร้อนจากนโยบายของรัฐที่ให้สิทธิแก่ลูกจ้างประจําและผู้รับบําเหน็จรายเดือน ไม่เท่าเทียม และไม่ครอบคลุมเหมือนข้าราชการที่เกษียณ ผู้รับเบี้ยหวัด บํานาญ ซึ่งได้รับผลกระทบมาอย่างยาวนาน ร่วม 15 ปี และยังคงไม่ได้รับการแก้ไข คือ เรื่องสวัสดิการรักษาพยาบาลหลังเกษียณอายุราชการ กล่าวคือ ลูกจ้างประจําขณะที่ยังรับราชการจะมีสิทธิได้รับสวัสดิการการรักษาพยาบาลตามพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการ เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พ.ศ. ๒๕๕๓ เหมือนกับข้าราชการทุกอย่าง แต่เมื่อถึงวันเกษียณอายุราชการลูกจ้างประจํา จะถูกเปลี่ยนสถานะเป็นผู้รับบําเหน็จรายเดือน และสิทธิสวัสดิการการรักษาพยาบาลที่เคยได้รับก็จะถูกตัดสิทธิไปทันที โดยให้ไปใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแทนซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เกิดความเหลื่อมล้ํา ระหว่างข้าราชการกับลูกจ้างประจํา ที่เกษียณอายุราชการ(ผู้รับบําเหน็จรายเดือน) ขาดขวัญและกําลังใจ ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีชีวิตความเป็นอยู่หลังเกษียณย่ําแย่ลง
จากประเด็นปัญหาดังกล่าว สมาคมและองค์กรต่างๆ ของลูกจ้างส่วนราชการและผู้รับบําเหน็จรายเดือน ได้ร้องทุกข์ต่อกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลาง และนายกรัฐมนตรีทุกรัฐบาลที่ผ่านมาอย่างสันติวิธี ท้ายที่สุดหนังสือทุกฉบับที่ร้องทุกข์ไปก็จะถูกส่งไปยัง “กองสวัสดิการรักษาพยาบาล กลุ่มงานกฎหมายด้าน สวัสดิการรักษาพยาบาลกรมบัญชีกลาง” ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวกลับเพิกเฉย ไม่เคยหารือร่วมกับสมาคม องค์กรของ ลูกจ้างเพื่อหาทางออกและแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยหน่วยงานดังกล่าวจะทําหนังสือตอบกลับว่า ลูกจ้างประจําที่เกษียณอายุราชการถือว่ามิใช่ผู้มีสิทธิตามพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พ.ศ.2553 และที่ แก้ไขเพิ่มเติม จึงไม่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการได้อย่างไรก็ดีข้อเสนอของสมาคมขอรับไว้เป็นข้อมูล เพื่อประกอบการพิจารณาศึกษาต่อไป แล้วเรื่องร้องทุกข์ก็เงียบหายเงียบไป
ในการนี้ สมาคมสมาคมในฐานะเป็นตัวแทนของลูกจ้างประจําและผู้รับบําเหน็จรายเดือนทั้งประเทศ จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์ ท่านพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และนางวาสนา ยศสอน สมาชิกวุฒิสภา ช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้พิจารณาร่วมกัน เพื่อจะได้แก้ไขเยียวยาปัญหาความเดือดร้อนของลูกจ้าง ผู้รับบําเหน็จรายเดือนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่เป็นภาระต่อครอบครัวและบุตรหลาน
นางวาสนา ยศสอน สมาชิกวุฒิสภากล่าวภายหลังรับข้อหนังสือจากสมาคมลูกจ้างส่วนราชการและผู้รับบำเหน็จรายเดือน ว่าจะนำข้อมูลดังกล่าวเข้าหารือกับทางวุฒิสภา และอีกช่องทางส่งให้กรรมาธิการที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณา เพื่อหาทางออกร่วมกัน