จังหวัดลพบุรี – ศึกมหากาพย์ระหว่างสุสานฝังผีของมูลนิธิลพบุรีสามัคคีสงเคราะห์ กับวัดนิคมสามัคคีชัย หลายเจ้าอาวาส ที่วัดได้นำรั้วมากั้นไม่ให้ดำเนินการสร้างคอนโดเพื่อเก็บศพไร้ญาติ หลังดำเนินกามานานกว่า 70 ปี อ้างจะใช้สร้างฌาปนสถานเพิ่มเติม โดยยังไม่ได้ข้อยุติดังกล่าวส่งผลต่อผีไร้ญาติ
เวลา 10.00 น. วันที่ 21 ต.ค. 2567 นายสุวัฒน์ เอนกศักยพงศ์ ประธานมูลนิธิลพบุรีสามัคคีสงเคราะห์ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิเดินทางไปยังสถานที่เก็บศพไร้ญาติ หรือ ฮวงซุ้ย ของทางมูลนิธิลพบุรีสามัคคีสงเคราะห์ เลขที่ 1 หมู่ที่ 6 ตำบลนิคมสร้างตนเอง อำเภอเมืองลพบุรี โดยนำสื่อมวลชนร่วมเดินทางไปด้วย หลังจากที่ได้รับแจ้งว่าทางวัดนิคมสามัคคีชัย หมู่ที่ 6 ต.นิคมสรางตนเอง ที่อยู่เขตพื้นที่ติดกัน ได้นำป้ายมาปักมีข้อความว่า”วัดไม่ได้ขับไล่หรือปิดกั้นการทำพิธีของฮวงซุ้ยแต่อย่างใดแต่จำกัดการใช้ประโยชน์ในที่ดินของมูลนิธิฯเท่านั้น” นอกจากนี้ยังได้นำเสาปูนและรั้วลวดหนามมากั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่ ที่อยู่ระหว่างจะก่อสร้างคอนโดที่เก็บศพเข้าไปดำเนินการต่อได้ ซึ่งยังคงมีอุปกรณ์ก่อสราง ที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการวางเรียงรายอยู่ รวมทั้งในเขตที่อยู่ในรั้วลวดหนามก็ยังพบว่า เป็นที่บรรจุร่างบรรพบุรุษชาวจีนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดลพบุรี ฝังอยู่ในฮวงซุ้ยอีกหลายศพ ทำลายความรู้สึกของชาวไทยเชื้อสายจีนอย่างมาก และไม่พอใจในการดำเนินการดังกล่าวของวัด
โดยผู้แทนของทางมูลนิธิลพบุรีสามัคคีสงเคราะห์ ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าสถานที่เก็บศพแห่งนี้มีความเป็นมาที่ยาวนานกว่า 70 ปี โดยความเป็นมาคือในสมัยก่อนได้มีตัวแทนชาวไทยเชื้อสายจีนได้รวบรวมเงินซื้อที่ดินดังกล่าวไว้เป็นสถานที่เก็บศพบรรพบุรุษ แต่ไม่สามารถมีสิทธิ์ในพื้นที่ เนื่องจากทางราชการไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ให้ได้ เนื่องจากเป็นชื่อชาวจีน ซึ่งในข้อกฎหมายที่ยังไม่ได้แก้ไขเหมือนในปัจจุบัน ที่ดินดังกล่าวจึงเป็นที่ไม่มีโฉนดไม่มีเจ้าของที่แท้จริง เป็นที่รู้กันว่าเป็นสถานที่เก็บศพบรรพบุรุษชาวไทยเชื้อสายจีน ศพไร้ญาติจนในเวลาต่อมาได้มีการออกเอกสารสิทธิ์ และให้เป็นเอกสิทธิ์ชื่อของวัดนิคมสามัคคีชัย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง โดยทางมูลนิธิฯ ก็ไม่ได้มีผู้คัดค้านเพราะเข้าใจกันดีกับพระครูศรีนิคมประศาสน์ อดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อน และสามารถดำเนินการได้ตามปกติ ซึ่งมาถึงขณะนี้พระภาวนาวชิรญาน เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ได้ให้ทางคณะกรรมการมูลนิธิฯได้เข้าไปพูดคุยเพื่อมาทำการเช่าพื้นที่ในการดำเนินการกิจการต่อ แต่ต่อมาทางวัดได้อ้างว่าจะมีโครงการดำเนินการสร้างฌาปนสถานใหม่ในอนาคต ทั้งนี้ก็ยังไม่ได้มีการพบปะพูดคุยกันก็มาพบว่ามีการปิดทางเข้าไม้ให้เข้าไปดำเนินการโดยทางมูลนิธิฯ ได้ตั้งทนายและเข้าร้องทุกข์แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรีแล้ว
สื่อมวลชนได้เดินทางไปขอพบกับพระภาวนาวชิรญาน เจ้าอาวาสของวัดนิคมสามัคคีชัยก็ได้คำตอบว่าอาภาส พร้อมกับทราบว่าในเรื่องดังกล่าวได้มอบหมายให้ นายวีระ จำลอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดลพบุรี เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ซึ่งก็เดินทางมาชี้แจ้งและนำสำเนาเอกสารสิทธิ์มาให้กับสื่อมวลชนดูว่าสถานที่ดังกล่าวทางวัดมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย โดยพร้อมที่จะชี้แจ้งพูดคุยกับทางมูลนิธิฯที่จะต้องมีการทำสัญญาเช่ากับทางวัดให้ถูกต้องไม่ใช้เข้าไปยึดครอง หากมีการพูดคุยกันในเรื่องของการเช่าในการดำเนินการในกิจการต่อคิดว่าทางวัดก็คงจะไม่คิดอะไร ซึ่งเชื่อว่าในเรื่องดังกล่าวคงจะจบลงด้วยดีทั้งสองฝ่าย
ด้านความรู้สึกของชาวไทยเชื้อสายจีนที่ทราบข่าวได้ออกมาเปิดเผยว่าเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งบรรพบุรุษของตนเองก็ยังคงฝังอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวถ้ามีการดำเนินการดังกล่าวจริงก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ขณะที่บางคนมีบรรพบุรุษฝังอยู่นานกว่า 50 ปี มากราบไหว้ทำความสะอาดทุกปี ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่วันนี้ทางวัดบอกว่าที่ที่ฝังศพบรรพบุรุษเป็นของวัดขึ้นมาก็ยังงงอยู่ ทั้งนี้ก็ขอให้เรื่องดังกล่าวจบลงด้วยดีคงจะไม่ต้องถึงกับย้ายศพบรรพบุรุษของตนไปฝังที่อื่น นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่เก็บศพไร้ญาติให้กับทางโรงพยาบาลในทุก 2 ปีถ้าไม่มีญาติมาติดต่อรับศพ ทางมูลนิธิฯก็จะนำร่างไปดำเนินการตามประเพณีและอุทิศส่วนกุศลไปให้ตามประเพณีอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งในวันนี้นายรัชพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเมืองลพบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย พร้อมด้วยนายณรงค์ พลนวล อายุ 66 ปี ตัวแทนของกรรมการวัด ที่อยากเห็นความยุติของวัด กับสุสานศึกมหากาพย์ในครั้งนี้ อยากเห็นความถูกต้องของพื้นที่ว่าผู้ใดเป็นเจ้าของมีเอกสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อจะได้ยุติความบาดหมางระหว่างวัดกับสุสานเสียที
กฤษณ์ สนใจ ลพบุรี 0890899090