DSI จับกุมผู้ต้องหาร่วมขบวนการนำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษีได้อีก 1 รายทำรัฐเสียหายกว่า 3 ล้านบาท
เมื่อวันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 12.30 น. ชุดปฏิบัติการสืบสวน ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ภายใต้การอำนวยการของ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 ร่วมกันจับกุม นายบุ่งย้ง (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1887/2567 ลงวันที่ 26 เมษายน 2567 และหมายจับศาลอาญาที่ 3819/2567 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากร โดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้นๆ ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 โดยเจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่บริเวณใต้สะพานวัดเทพลีลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ในการจับกุมเจ้าพนักงานชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และรวมถึงแจ้งว่า ต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ให้ผู้ต้องหาได้รับทราบแล้ว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งการจับและควบคุมตัวไปยังพนักงานอัยการ ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวน และนิติการ กรมการปกครอง และได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว (ปท.1) ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวส่งมอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษผู้รับผิดชอบคดีดังกล่าว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 96/2565 และคดีพิเศษที่ 110/2565 ของสำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ซึ่งมี พันตำรวจโท คมวิชช์ พัฒนะรัฐ และ พันตำรวจโท นิรุติ พัฒนะรัฐ เป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษผู้รับผิดชอบ โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์ ร่วมกับบริษัท โมเดิร์นคาร์ จำกัด และบริษัท สยามแฟนแทสติค จำกัด นำเข้ารถยนต์หรู จำนวน 3 คัน โดยเสียภาษีอากรขาดไป จำนวนกว่า 3 ล้านบาท ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการของ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นตรงการบังคับบัญชาจัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยเฉพาะหมายจับที่ใกล้ขาดอายุความ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน