ตม. นครพนม จับชาวลาว ค้าสัตว์คุ้มครอง เร่ขายหน้าวัดพระธาตุพนม ไม่เกรงกลัวกฎหมาย
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567เวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ภัทรพงศ์ อินวรรณ ผกก.ตม.จว.นคร พนม ได้สั่งการให้ ทีมสืบสวนปราบปราม นำโดย พ.ต.ท.เกียรติคุณ ดวงแก้วสว.ตม.จว.นคร พนม นำกำลังลงพื้นที่โดยทันที หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีกลุ่มผู้ค้าดอกไม้และค้าสัตว์สงวนให้แก่บรรดาผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยว และยังได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญ โดยมีคนต่างด้าวแฝงตัวเข้ามาขายสินค้าด้วย จึงได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ ยังบริเวณลานหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ตามที่ได้รับแจ้ง พบว่ามีหญิงซึ่งคาดว่าเป็นคนต่างด้าวกำลังสาละวนเรียกลูกค้าอยู่นั้น จึงเข้าขอตรวจสอบเอกสารส่วนบุคคลพบว่าเป็นชาว สปป.ลาว ทราบชื่อ นางเทียด บุดวิเสด อายุ 63 ปี เข้ามาประกอบอาชีพจำหน่ายสัตว์สงวนให้กับนักท่องเที่ยวและยังได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญมาโดยตลอด จะตระเวนเร่ขาย นกกระติ๊ดขี้หมู ปลาไหลและเต่านา อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งสัตว์สงวนต้องห้ามจำหน่ายและครอบครอง ให้กับนักแสวงบุญและนักท่องเที่ยว เพื่อขอพรโชคลาภและเป็นสิริมงคลตามความเชื่อส่วนบุคคล บริเวณประตูหน้าทางเข้าด้านหน้าของ วัดพระธาตุพนมฯ
โดยทางชุดเจ้าหน้าที่ได้ทำทีเข้าล่อซื้อ ซื้อนกกระติ๊ดขี้หมูจำนวน 1 กรง เพื่อทำทีซื้อมาปล่อยเพื่อสะเดาะเคราะห์เป็นเงินจำนวน 200 บาท กับนางเทียด ซึ่งเป็นชาว.ลาว และห่างออกไปอีกประมาณ 100 เมตร ก็พบว่ามี นางต่าย อายุ 48 ปี เป็นชาวสปป.ลาว ด้วยเช่นเดียวกันกำลังเปิดแผงขายสัตว์สงวนในลักษณะเดียวกันด้วยเช่นกัน ทางเจ้าหน้าที่ฯจึงได้ควบคุมตัวทั้งสองคน มายัง สภ.ธาตุพนม เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเป็นบุคคลต่างด้าวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาตสอบปากคำเพิ่มเติม จากคำให้การของนางต่ายได้กล่าวอ้างว่า ร้านค้านี้ไม่ใช่ของตนแต่เป็นร้านของสามีซึ่งเป็นคนไทย ส่วนตนได้ออกมาช่วยขายของแทนสามีนั้นตนขอปฏิเสธข้อกล่าวหา เนื่องจากตนมาเฝ้าร้านแทนขณะที่สามีได้ออกไปซื้อปลาไหลเพื่อนำมาจำหน่ายเท่านั้น
ส่วนนาง เทียด บุดวิเสด อ้างว่าได้มาพักอาศัยยังประเทศไทย ตั้งแต่สมัยลาวอพยพโดยได้มาขออาศัยหลับนอนตามบ้านเพื่อน ก่อนที่จะมาขายนกขายปลารวมทั้งขายปลาไหลและดอกไม้ยังบริเวณหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ให้กับผู้คนที่เดินทางมาแสวงบุญได้ประมาณราว 30 ปี ทั้งนี้ยังได้อ้างว่าร้านที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม เป็นร้านของนางอรวรรณเป็นเจ้าของ ทุกครั้งที่ขายของและโอนเงินก็จะสแกนจ่ายเข้าบัญชีของนางอรวรรณ จากนั้นจึงได้เรียกตัวนางอรวรรณมาเพื่อให้ปากคำพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาจ้างแรงงานต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งนางอรวรรณผู้ถูกกล่าวหาได้ให้การปฏิเสธ อ้างว่าตนกับนางเทียดเป็นเพียงคนรู้จักกันเท่านั้นไม่ได้เป็นลูกจ้างของตนตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อคำให้การ เนื่องจากภายในกระเป๋าของนางเทียด พบว่าใบสแกนคิวอาร์โค๊ตเป็นชื่อและเบอร์มือถือของนางอรวรรณอย่างชัดเจน จึงได้แจ้งข้อหาต่อนางเทียด เป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยนางเทียดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาและแจ้งข้อหาจ้างแรงงานต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อนางอรวรรณ แต่ยังให้การปฎิเสธข้อกล่าวหาและขอต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป
ขณะที่ นางต่าย หนึ่งในแรงงานต่างด้าวที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมมาด้วย ให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่า ร้านค้าที่เกิดเหตุเป็นของสามีและตนเพียงมาเฝ้าร้านดังกล่าวขณะที่สามี ออก ไป หา ซื้อ ปลา ไหล และ นก เท่า นั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สอบปากและให้การที่เชื่อถือได้ จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนและชี้แจงข้อกฎหมายก่อนปล่อยตัวกลับไป
ต่อมานางจิตรี มณีใสย์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ด่านตรวจสัตว์ป่านครพนม ได้เดินทางมายังที่ สภ.ธาตุพนม เพื่อมาตรวจสอบสัตว์สงวน ที่ทางเจ้าหน้าที่ ตม.ตรวจยึดไว้พบว่า นกของกลางที่ยึดไว้ได้ทั้งหมดนั้น เป็นนกกระติ๊ดขี้หมู ซึ่งเป็นสัตว์สงวนคุ้มครองอย่างแน่นอน จึงได้ทำการตรวจยึดดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายคุ้มครอง
สำหรับ “นกกระติ๊ดขี้หมู นกชนิดที่มีขนาดลำตัวเพียง 11-12 เซนติเมตร ปากดำ หัว อก และลำตัวด้านบนสีน้ำตาลเข้ม ลำตัวด้านล่างสีขาวแกมเทาและมีลายเกล็ดสีน้ำตาล กลางท้องถึงก้นสีขาว หางสีน้ำตาลแกมเหลือง แต่ถ้าเป็นลูกนกจะไม่มีลายเกล็ดสีน้ำตาลที่อก…เป็นนกนักสังคม ชอบอาศัยอยู่รวมกันนับสิบตัว บางทีก็พบรวมฝูงเป็นหลักร้อยตัว แถมมีนิสัยอยู่ง่ายกินง่าย ขยายพันธุ์รวดเร็ว จึงปรับตัวได้เป็นอย่างดีในสภาพชุมชนเมืองปกติชอบกินเมล็ดพืช เมล็ดข้าว กินแมลงบ้างเป็นบางคราว เลยไม่เป็นถูกใจชาวนาเท่าไหร่นัก เพราะรวมตัวหากินทีเป็นฝูงใหญ่ พุ่งตัวไปนาข้าวที่กำลังออกรวงสุกปลั่ง…จึงสร้างความเสียหายไม่น้อยเลยทีเดียว มีสถานภาพเป็นนกประจำถิ่นของไทย พบได้บ่อยมากตามท้องนา ทุ่งหญ้า สวนสาธารณะ และพื้นที่โล่งใกล้ชุมชนเมือง แต่ถึงแม้จะมีจำนวนมากแต่ก็เป็นหนึ่งในสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมายของไทย IUCN ก็ยังมองว่า นกชนิดนี้อยู่ในสถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วงต่อการสูญพันธุ์ แต่ที่น่าเป็นห่วงนั่นคือ…มันมักถูกดักจับมาขายตามวัด เพื่อจูงใจนักทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา ภาพนกน้อยดิ้นรนอยู่ในกรงไม้แออัด จึงเป็นภาพที่เห็นจนชินตานั่นคือ
สาเหตุที่ทำให้นกชนิดนี้ ติดอันดับต้น ๆ ของคดีด้านทรัพยากรธรรมชาติ และด้วยความที่มีจำนวนประชากรอยู่มาก การซื้อ-ขายนกบริเวณวัดก็ได้รับความนิยม จึงทำให้คนส่วนมากไม่ทราบว่านกชนิดนี้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และการค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามกฎหมาย ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีเรื่องน่ายินดีว่า วัดหลายแห่งเริ่มออกมาต่อต้านและแสดงจุดยืนไม่สนับสนุนการซื้อ-ขายสัตว์ป่าเพื่อปล่อยทำบุญทำทานอีกต่อไปนับว่าเป็นกุศลที่แท้จริง และเป็นบุญของสัตว์นานาชนิด ไม่เว้นแม้แต่นกกระติ๊ดขี้หมู
เทพข่าวร้อน เพลิงพระกาฬ รายงาน