DSI ส่งสำนวนคดีลักลอบใช้ไฟฟ้าขุดบิตคอยน์ 2,986 เครื่องให้ ป.ป.ช. พิจารณาเอาผิดผู้สนับสนุน-เจ้าหน้าที่รัฐ
ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ปฏิบัติการตรวจค้น กรณี ขบวนการลักลอบใช้ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานครและนนทบุรี จำนวน 41 จุด (คดีพิเศษที่ 10/2566) นำไปสู่การเข้ายึดเครื่องขุดบิตคอยน์ได้จำนวน 2,986 เครื่อง เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 และได้จับกุมตัวนายธีรวีร์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหา กระทำความผิดฐานลักลอบต่อไฟฟ้าโดยไม่ผ่านมิเตอร์เพื่อใช้ในอาคารพาณิชย์ที่เช่าไว้ทำเหมืองดิจิตอล และพบหลักฐานการจ่ายเงิน ให้นายคณาธิป (สงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง เขตนนทบุรี เพื่อช่วยเหลือในการลักลอบใช้ไฟฟ้าทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าถูกลงกว่าปกติ รวม 31 ครั้ง รวมเกือบ 700,000 บาท สร้างความเสียหายอย่างมาก ต่อการไฟฟ้านครหลวงในห้วงเวลา 3 เดือน รวมกว่า 206 ล้านบาท
ในวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2567 พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้พิจารณามีความเห็นและมอบหมายให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำสำนวนคดีพิเศษดังกล่าว จำนวน 12 แฟ้ม เสนอยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่ สำหรับความคืบหน้าคดีดังกล่าว โดยนายคณาธิปฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาได้เสียชีวิตเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ส่งผลให้โทษอาญาถูกระงับไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังดำเนินคดีกับนายธีรวีร์ ในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนและสนับสนุนการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐลักลอบใช้ไฟฟ้าต่อไป
ในปัจจุบัน มูลค่าบิตคอยน์พุ่งสูงถึง 3 ล้านบาทต่อเหรียญ ซึ่งกลายเป็นแรงจูงใจให้เกิดการลักลอบใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คดีดังกล่าวสะท้อนถึงความเสียหายจากการลักลอบใช้ทรัพยากรของรัฐ รวมถึงการทุจริต โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ไม่เพียงก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ แต่ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อองค์กรภาครัฐ ซึ่งกรมสอบ สวนคดีพิเศษ จะเร่งติดตามผู้กระทำความผิดและดำเนินการสืบสวนขยายผลในทุกคดีต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน